ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 และเหรียญจักรพรรดิมาลา การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจําปี 2566

 

ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 และเหรียญจักรพรรดิมาลา การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจําปี 2566

การขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 และเหรียญจักรพรรดิมาลา การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจําปี 2566 ขอให้ส่งข้อมูลและรวบรวมแบบเสนอขอพระราชทานและรับรองคุณสมบัติบุคคลประกอบการเสนอขอ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจําปี (แบบ คส.2) ไปยังสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565

รายละเอียดการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 คลิกที่นี่

ให้สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต/สํานักบริหารงานการศึกษาพิเศษดําเนินการ ดังนี้
1. สํารวจ รวบรวม และตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญจักรพรรดิมาลาในสังกัด ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดตามระเบียบแนวปฏิบัติ ในการเสนอขอพระราชทาน พร้อมจัดทําเอกสารประกอบการพิจารณาตามรายละเอียด รูปแบบ และจํานวน ที่กําหนด ทั้งนี้ ขอให้ตรวจสอบคํานําหน้าชื่อ ชื่อตัว และชื่อสกุล รวมทั้งเลขประจําตัวประชาชนให้ถูกต้อง

2. ตรวจสอบข้อมูลผู้เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา ทุกกรณี ทุกราย และทุกชั้นตรา (ตาม ข้อ 1) หากพบว่ารายใดมีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบฯ พ.ศ. 2564 เช่น กระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรืออยู่ระหว่างพิจารณาโทษทางวินัย หรืออยู่ระหว่าง อุทธรณ์คําสั่งลงโทษทางวินัย หรือกระทําความผิดทางอาญา ฯลฯ ให้ชะลอการเสนอขอพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไว้ก่อน และกรณีที่พบว่าเป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัย (ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน ปลดออก ไล่ออก)

หรือมีผลการประเมินการปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานตามภารกิจที่กฎหมายกําหนดต่ํากว่า ระดับดี (พอใช้/ต้องปรับปรุง) ให้เพิ่มระยะเวลาการเสนอขอพระราชทานจากที่ระเบียบฯ กําหนดไปอีกกรณีละหนึ่งปี ทั้งนี้ ขอให้ส่งข้อมูลและรวบรวมแบบเสนอขอพระราชทานและรับรองคุณสมบัติบุคคลประกอบการเสนอขอ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจําปี (แบบ คส.2) ไปยังสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565

ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 และเหรียญจักรพรรดิมาลา การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจําปี 2566

ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 และเหรียญจักรพรรดิมาลา การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจําปี 2566

โปรแกรมการเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 คลิกที่นี่

แบบเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 คลิกที่นี่

ขอบคุณเนื้อหาจาก สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม เช็คเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ผ่าน ระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต บุคคลที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าใช้ระบบได้

PA Support Team สพฐ. ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้ารับการพัฒนาเป็น PA Support Team

 

PA Support Team สพฐ. ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้ารับการพัฒนาเป็น PA Support Team

สพฐ. ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้ารับการพัฒนาเป็น P A Support Team ตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตําแหน่งและวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตําแหน่งครู ตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตําแหน่งศึกษานิเทศก์ และตําแหน่งผู้บริหารการศึกษา นั้น

สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอเรียนว่าเพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษามีการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเปลี่ยนแปลงในการดําเนินการ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตําแหน่งและวิทยฐานะ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตําแหน่งครู ตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตําแหน่งศึกษานิเทศก์ และตําแหน่งผู้บริหารการศึกษา ทั้งระบบ จึงขอให้สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาคัดเลือกข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา เข้ารับการพัฒนาเป็นพี่เลี้ยงให้คําแนะนํา คําปรึกษา หรือชี้แนะให้กับข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษาเป็น “P A Support Team” ของสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยกําหนดให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาในสังกัด สายงานละ 2 คน ประกอบด้วย สายงานบริหารการศึกษา ตําแหน่งผู้อํานวยการ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือรองผู้อํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สายงานนิเทศการศึกษา ตําแหน่งศึกษานิเทศก์ สายงานบริหารสถานศึกษา ตําแหน่งผู้อํานวยการสถานศึกษา และสายงานการสอน ตําแหน่งครู รวมทั้งผู้อํานวยการกลุ่มบริหารงานบุคคลและเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ รวมทั้งสิ้น 10 คน และกําหนดให้ส่งรายชื่อดังกล่าวถึง สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 เพื่อดําเนินการต่อไป

PA Support Team สพฐ. ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้ารับการพัฒนาเป็น PA Support Team

PA Support Team สพฐ. ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้ารับการพัฒนาเป็น PA Support Team

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ขอบคุณเนื้อหาจาก สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตอบกระทู้ถาม เรื่อง ปัญหาการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก และการจัดสรรงบประมาณด้านบุคลากรทางการศึกษา

การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตอบกระทู้ถาม เรื่อง ปัญหาการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก และการจัดสรรงบประมาณด้านบุคลากรทางการศึกษา

การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตอบกระทู้ถาม เรื่อง ปัญหาการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก และการจัดสรรงบประมาณด้านบุคลากรทางการศึกษา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวตรีนุช เทียนทอง) ตอบกระทู้ถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง) กระทู้ถามที่ 476 ร. ในราชกิจจานุเบกษา เรื่อง ปัญหาการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก และการจัดสรรงบประมาณด้านบุคลากรทางการศึกษา

การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตอบกระทู้ถาม เรื่อง ปัญหาการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก และการจัดสรรงบประมาณด้านบุคลากรทางการศึกษา

1 กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายและมาตรการในการควบคุมและยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กให้เหมาะสมและสอดคล้องกับพื้นที่ พร้อมทั้งรักษามาตรฐานคุณภาพการศึกษาให้อยู่ในเกณฑ์อย่างไร

กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานขอเรียนว่า ได้มีนโยบายในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 120 คนลงมา เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม และมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งได้มีมาตรการในการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 ที่เห็นชอบตามมติคณะกรรมการการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ให้ดำเนินการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เหมาะสม และสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอน และลดภาระค่าใช้จ่ายงบประมาณด้านบุคลากรและการบริหารจัดการ โดยการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กจะต้องเป็นโรงเรียนที่มีระยะห่างจากโรงเรียนในตำบลเดียวกันไม่เกิน 6 กิโลเมตร ไม่กระทบต่อสิทธิของนักเรียน ครู ผู้อำนวยการโรงเรียน ประชาชน และชุมชน

ซึ่งการยุบหรือควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กจะต้องผ่านความเห็นชอบจากทุกฝ่าย และเป็นไปตามความสมัครใจ ความพร้อมของโรงเรียน รวมถึงสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และเป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการจัดตั้ง รวม หรือ เลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2550 ตลอดจนได้สนับสนุนค่าพาหนะให้กับนักเรียนที่มาเรียนรวมจนจบการศึกษาในระดับชั้นสูงสุดของโรงเรียนหลักอีกด้วย

สำหรับมาตรฐานคุณภาพการศึกษาหลังการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กจะทำให้เกิดคุณภาพ ดังนี้

-ด้านคุณภาพผู้เรียน มีการจัดสรรอัตรากำลังครูให้ครบชั้น ครบวิชา ตรงตามสาขาวิชา อาคารสถานที่มีมาตรฐาน ความปลอดภัย และมีสื่อการเรียนการสอนและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของนักเรียน รวมถึงพัฒนาผู้เรียนให้มีค่านิยมและวัฒนธรรมอันดีของสังคม

-ด้านกระบวนการบริหารและการจัดการ มีการกำหนดเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให้มีคุณภาพภายใต้สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคม ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพตามหลักสูตรสถานศึกษา และส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาครู และบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ รวมทั้งมีการจัดทำแผนการบริหารจัดการที่พร้อมรองรับนักเรียนที่มาเรียนรวม เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน

-ด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอน ดำเนินการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และส่งเสริมการสร้างโอกาสให้ผู้เรียนทุกคนให้มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 รวมถึงทักษะชีวิตที่นำไปประกอบอาชีพได้เมื่อจบหลักสูตร ตลอดจนเกิดการมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทชุมชน/ท้องถิ่น และมีการประเมินตรวจสอบความรู้ของผู้เรียนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ

2 กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายในการจัดการและแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ถูกทิ้งรกร้างหลังการยุบรวมอย่างไร มีการมอบหมายให้หน่วยงานใดรับผิดชอบ

กระทรวงศึกษาธิการ ขอเรียนว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีนโยบายในส่วนการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนขนาดเล็กหลังการควบรวม ดังนี้

วัสดุ ครุภัณฑ์ โอนให้โรงเรียนหลัก หรือจำหน่ายตามสภาพของวัสดุ ครุภัณฑ์
ที่ดินของโรงเรียน

– โรงเรียนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินของส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น ให้ดำเนินการตรวจสอบการถือกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครอง และเอกสารสิทธิ์ พร้อมทั้งรายงานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อประสานงานกับส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของที่ดินในการดำเนินการตามกฎหมายเฉพาะของส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของที่ดินนั้น ๆ

– โรงเรียนที่ได้รับการบริจาคที่ดิน ให้ตรวจสอบสภาพการถือกรรมสิทธิ์ เอกสารสิทธิ์ รายงานต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กรณีการโอนที่ดิน ให้โอนให้กับโรงเรียนหลัก สำหรับกรณีจำหน่ายต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการบริหารจัดการและขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคลในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ. 2546

– โรงเรียนที่ขอใช้พื้นที่ราชพัสดุ ให้ดำเนินการตรวจสอบสิทธิครอบครองหรือสิทธิการใช้เอกสารสำคัญการขอใช้การอนุญาต แล้วรายงานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทราบ เพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562
ทรัพย์สินอื่น ให้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เอกสารสำคัญให้โอน ให้โรงเรียนหลัก

ทั้งนี้ เมื่อมีการควบรวมโรงเรียนแล้ว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะแจ้งให้โรงเรียนตรวจสอบทรัพย์สิน ชำระบัญชี และดำเนินการโอนหรือจำหน่ายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

นอกจากนั้น ยังได้ประสานกับหน่วยงานอื่นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้สามารถขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่โรงเรียนให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ตามความต้องการของชุมชน เช่น สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ฯลฯ

3 กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายในการทบทวนและแก้ไขปัญหาเรื่องงบประมาณในการว่าจ้างครูผู้ช่วยและนักการภารโรงซึ่งเป็นบุคลากรที่มีความจำเป็นต่อโรงเรียนขนาดเล็ก และเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่หรือไม่ อย่างไร

กระทรวงศึกษาธิการ ขอเรียนว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาเรื่องงบประมาณการจ้างครูอัตราจ้างและนักการภารโรง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ได้จัดสรรงบประมาณค่าจ้าง ตำแหน่งครูอัตราจ้าง จำนวน 5,907 อัตรา เป็นเงินจำนวน 1,116,423,000 บาท และตำแหน่งนักการภารโรง จำนวน 11,132 อัตรา เป็นเงินจำนวน 1,262,368,800 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,2378,791,800 บาท ให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงโรงเรียนขนาดเล็ก เพื่อให้โรงเรียนมีบุคลากรเพียงพอและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษา รวมถึงเป็นการส่งเสริมการจ้างงานคนในพื้นที่

ทั้งนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้ดำเนินการขอตั้งรายการค่าจ้าง ตำแหน่งครูอัตราจ้าง และนักการภารโรง ให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้มีบุคลากรสนับสนุนการปฏิบัติงานของครูในการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

รายละเอียดตอบกระทู้ถาม คลิกที่นี่

ขอบคุณเนื้อหาจาก ศธ.360 องศา

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม คืนตำแหน่งครู โรงเรียนขนาดเล็ก ส.ส.พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้มีการทบทวน มติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2562-2565)

ประกาศผลสอบ พนักงานราชการส่วนกลาง 2565 สพฐ. ประกาศรายชื่อและการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง)

ประกาศผลสอบ พนักงานราชการส่วนกลาง 2565 สพฐ. ประกาศรายชื่อและการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง)

ประกาศ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง รายชื่อและการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง)
ตามที่ได้มี ประกาศ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 เรื่อง รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็น พนักงานราชการ ทั่วไป (ส่วนกลาง) และ ประกาศ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2565 เรื่อง แก้ไขประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็น พนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง) นั้น
บัดนี้ การดําเนินการเลือกสรร พนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอประกาศ รายชื่อและการขึ้นบัญชีรายชื่อ ผู้ผ่านการเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง)

ประกาศผลสอบ พนักงานราชการส่วนกลาง 2565 สพฐ. ประกาศรายชื่อและการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง)

ประกาศผลสอบ พนักงานราชการส่วนกลาง 2565 สพฐ. ประกาศรายชื่อและการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง)

ตรวจสอบรายชื่อและการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ผ่านการเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป (ส่วนกลาง) ที่นี่

ขอบคุณเนื้อหาจาก สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ประกาศผลย้ายผอ.รร. ผู้บริหารสถานศึกษา ประจำปี 2565 

ผลการย้ายครู สพฐ. ครั้งที่ 2 ปี 2565 ( ประกาศผลย้ายครู 2565 ) ครบทุกจังหวัด 

ชี้แจงการนำเข้าข้อมูลในระบบ DPA การส่งข้อมูลคำขอเข้าสู่ระบบ DPA ระบบจะบันทึกให้มีผลย้อนหลัง

ชี้แจงการนำเข้าข้อมูลในระบบ DPA การส่งข้อมูลคำขอเข้าสู่ระบบ DPA ระบบจะบันทึกให้มีผลย้อนหลัง

เนื่องจากมีการยื่นคำขอผ่านระบบเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของผู้ยื่นคำขอ สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงขอความร่วมมือสถานศึกษา และหน่วยงานการศึกษา ดำเนินการตามลำดับ ดังนี้
1. ให้ระบุรายละเอียดของคำขอที่ยื่นผ่านระบบแล้วแต่ไม่สำเร็จในตาราง ดังแนบ ส่งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือส่วนราชการ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยอาจส่งไปยังเมลของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงาน หรือส่วนราชการ หรือส่งโดยวิธีอื่น ในวันที่ไม่สามารถทำรายการได้ หรือวันอื่นในภายหลัง
2. ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงาน หรือส่วนราชการ นำส่งข้อมูลตารางรายละเอียดดังกล่าว มายังอีเมลของสำนักงาน ก.ค.ศ. ดังนี้
ภาคเหนือ ส่งที่ [email protected]
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งที่ [email protected]
ภาคกลาง ส่งที่ [email protected]
ภาคใต้ ส่งที่ [email protected]
3. เมื่อสถานศึกษา หน่วยงาน หรือส่วนราชการ สามารถนำส่งข้อมูลคำขอเข้าสู่ระบบ DPA ได้แล้ว ระบบจะบันทึกให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ไม่สามารถทำรายการได้สำเร็จตามที่ระบุในตาราง ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้ที่ยื่นคำขอแต่ไม่สำเร็จเสียสิทธิในการได้รับการแต่งตั้งย้อนหลังแต่อย่างใด

ชี้แจงการนำเข้าข้อมูลในระบบ DPA การส่งข้อมูลคำขอเข้าสู่ระบบ DPA ระบบจะบันทึกให้มีผลย้อนหลัง

ชี้แจงการนำเข้าข้อมูลในระบบ DPA การส่งข้อมูลคำขอเข้าสู่ระบบ DPA ระบบจะบันทึกให้มีผลย้อนหลัง

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสาร ว30
แบบรายชื่อยื่นคำขอ dpa ไม่สำเร็จ คลิกที่นี่
แนบคำขอตำแหน่งครู (9.1.1 และ 9.2.1).pdf
แนบคำขอตำแหน่งครู (9.1.2).pdf
แนบคำขอตำแหน่งครู (9.2.2).pdf
แนบคำขอบริหารสถานศึกษา.pdf
แนบคำขอศึกษานิเทศก์.pdf
คำอธิบายเอกสารแนบคำขอในระบบ dpa.pdf

ขอบคุณเนื้อหาจาก สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม การยื่นคําขอในระบบ DPA ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน(กรณีนําผลงานตามเกณฑ์เดิมมารวมกับผล PA ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และ 2567)

การส่งข้อมูลในระบบ DPA แนวปฏิบัติเบื้องต้นหลังจากเปิดใช้งานระบบ DPA 

 

เอกสารแนบในระบบ DPA การยื่นคําขอในระบบ DPA ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน(กรณีนําผลงานตามเกณฑ์เดิมมารวมกับผล PA ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และ 2567)

เอกสารแนบในระบบ DPA การยื่นคําขอในระบบ DPA ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน(กรณีนําผลงานตามเกณฑ์เดิมมารวมกับผล PA ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และ 2567)

 

เอกสารแนบในระบบ DPA การยื่นคําขอในระบบ DPA ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน(กรณีนําผลงานตามเกณฑ์เดิมมารวมกับผล PA ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และ 2567)

การยื่นคําขอในระบบ DPA ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน กรณีจะนําผลงานตามเกณฑ์เดิม มารวมกับผล PA จะอยู่ในข้อ 9 ของแบบยื่นคําขอฯ ที่อยู่ในระบบ ดังนี้

ตําแหน่งครู (ว 9/2564)

ข้อ 9.1 การยื่นคําขอในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ให้เลือกรายงานตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้

ข้อ 9.1.1 นําผลการพัฒนาคุณภาพฯ ด้านที่ 3 หรือด้านที่ 3 ส่วนที่ 1 ตามหลักเกณฑ์ ว17/2552 มารายงาน โดยเป็นการเปรียบเทียบผลการพัฒนาฯ ปีการศึกษา 2562 และ 2563 ที่ผ่านเกณฑ์

ข้อ 9.1.2 นําผลการประเมิน 3 ด้าน 13 ตัวชี้วัด ตามหลักเกณฑ์ ว 21/2560 มารายงาน 2 ปีการศึกษา ที่ผ่านเกณฑ์

ข้อ 9.2 การยื่นคําขอในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้เลือกรายงานตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้

ข้อ 9.2.1 นําผลการพัฒนาคุณภาพฯ ด้านที่ 3 หรือด้านที่ 3 ส่วนที่ 1 ตามหลักเกณฑ์ ว17/2552 มารายงาน โดยเป็นการเปรียบเทียบผลการพัฒนาฯ ปีการศึกษา 2562 และ 2563 ที่ผ่านเกณฑ์

ข้อ 9.2.2 นําผลการประเมิน 3 ด้าน 13 ตัวชี้วัด ตามหลักเกณฑ์ ว 21/2560 มารายงาน 1 ปีการศึกษา ที่ผ่านเกณฑ์

โดยในระบบ DPA จะให้ดาวน์โหลดเอกสารแนบคําขอออกมา เพื่อนําเสนอผู้บริหาร สถานศึกษา ลงนามรับรอง แล้วจึงแนบเอกสารดังกล่าวกลับเข้าไปในระบบอีกครั้งหนึ่ง จึงขอให้เสนอ เอกสารแนบคําขอที่ถูกต้องเพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาลงนามรับรอง

ตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาและศึกษานิเทศก์ (ว 10-11/2564)
ข้อ 9.1 การยื่นคําขอในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และข้อ 9.2 การยื่นคําขอในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้แนบเอกสารเหมือนกันคือ นําผลการพัฒนาคุณภาพฯ ด้านที่ 3 หรือด้านที่ 3 ส่วนที่ 1 ตามหลักเกณฑ์ว 17/2552 มารายงาน โดยเป็นการเปรียบเทียบผลการพัฒนาฯ ปีการศึกษา 2562 และ 2563 ที่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งในระบบ DPA ได้กําหนดให้ดาวน์โหลดเอกสารแนบคําขอออกมา เพื่อนําเสนอ ผู้บังคับบัญชาชั้นต้น ลงนามรับรอง แล้วจึงแนบเอกสารดังกล่าวกลับเข้าไปในระบบอีกครั้งหนึ่ง

แนบคำขอตำแหน่งครู (9.1.1 และ 9.2.1).pdf
แนบคำขอตำแหน่งครู (9.1.2).pdf
แนบคำขอตำแหน่งครู (9.2.2).pdf
แนบคำขอบริหารสถานศึกษา.pdf
แนบคำขอศึกษานิเทศก์.pdf
คำอธิบายเอกสารแนบคำขอในระบบ dpa.pdf

ขอบคุณเนื้อหาจาก สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม การบันทึกข้อมูล DPA การบันทึกผล วPA ในระบบ DPA ในช่วงสิ้นปีงบประมาณ 2565 เริ่ม 1 ตุลาคม นี้

แบบคำร้องขอรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ หนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ ประกาศข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการร้บรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ

แบบคำร้องขอรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ หนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ ประกาศข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการร้บรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ

รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) รักษาการเลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2565 ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 139 ตอนพิเศษ 133 ง ได้เผยแพร่ประกาศข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการร้บรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ เพื่อการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้

1) ให้แก้ไขนิยามคำว่า “มาตรฐานความรู้ หมายความว่า มาตรฐานความรู้วิชาชีพครู ผู้บริหารีสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก์ ตามข้อบังคับ” ในข้อ 3 แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการร้บรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ เพื่อการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พ.ศ. 2550

2) ให้ยกเลิก “ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน”

3) ให้เพิ่มนิยามคำว่า “หนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ” หมายความว่า หนังสือที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาออกให้กับผู้ที่ผ่านการรับรองความรู้ตามข้อบังคับนี้

4) ให้ยกเลิก ข้อ 9 แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการร้บรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ฯ พ.ศ. 2550 แล้วให้ใช้คำต่อไปนี้ “ข้อ 9 ให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาออกหนงสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพให้กับผู้ผ่านการรับรองความรู้ตามข้อบังคับนี้”

5) ให้ยกเลิก ข้อ 10 แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการร้บรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ฯ พ.ศ. 2550 แล้วให้ใช้คำต่อไปนี้ “ข้อ 10 ผู้ผ่านการรับรองความรู้ครบตามมาตรฐานความรู้ จะได้รับหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ”

6) ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอนอยู่ก่อนข้อบังคับฉบับนี้มีผลใช้บังคับขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้ กรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้

6.1) เป็นผู้ปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาครบ 1 ปีต่อเนื่องแล้ว แต่ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไม่ทันภายในวันที่ 3 ตุลาคม 2563 ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 หรือปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาหลังวันที่ 3 ตุลาคม 2563 ครบ 1 ปีต่อเนื่อง เมื่อได้รับ การรับรองจากสถานศึกษาแล้ว ให้นำหลักฐานการผ่านการรับรองไปขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้

6.2) เป็นผู้ที่ยังไม่ได้ปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา หรือปฏิบัติการสอนในสถานศึกษายังไม่ครบกำหนดระยะเวลา 1 ปีต่อเนื่อง ทั้งที่ใบอนุญาตปฏิบัติการสอนหมดอายุ และยังไม่หมดอายุ ให้ขอรับหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาต่อไปจนครบระยะเวลา 1 ปีต่อเนื่อง เมื่อได้รับการรับรองจากสถานศึกษาแล้วให้นำหลักฐานการผ่านการรับรองไปขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้

7) ให้ผู้ได้รับการรับรองความรู้ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการรับรองความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ฯ พ.ศ. 2550 หรือเป็นผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรปริญญา หรือประกาศนียบัตรทางการศึกษาที่คุรุสภาให้การรับรองเฉพาะมาตรฐานความรู้ ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอนอยู่ก่อนข้อบังคับฉบับนี้มีผลใช้บังคับขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้ กรณีใดกรณีหนึ่งนั้น ให้ชำระค่าธรรมเนียมการเทียบโอนความรู้ฯ (เฉพาะมาตรฐานความรู้ที่ผ่านการรับรองฯ โดยวิธีการเทียบโอน) ตามอัตราที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการรับรองความเพื่อการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ประกาศ ณ วันที่ 3 กันยายน 2550 มาตรฐานละ 300 บาท เพื่อขอหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ และเข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ตามที่กำหนดในข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

สำหรับเอกสารประกอบคำขอหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ ประกอบด้วย

1) แบบคำขอหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ

2) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ

3) สำเนาผลการรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครบ 9 มาตรฐาน (ตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2548)

4) สำเนาใบอนุญาตปฏิบัติการสอน (กรณีเคยขอรับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน)

5) สำเนาหลักฐานการชำระเงินค่าธรรมเนียมการเทียบโอนความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ (กรณีไม่เคยขอรับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน)

6) หลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ – ชื่อสกุล หรือคำนำหน้านาม

ขั้นตอน และวิธีการขอรับหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ ให้ผู้ประสงค์ขอหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพ ดำเนินการ ดังนี้ กรอกข้อมูลในแบบคำขอฯ ให้ครบถ้วน ชัดเจน และรับรองความถูกต้องของข้อมูล และระบุข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล (e-mail) ที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เนื่องจาก ข้อมูลดังกล่าวจะใช้ในการติดต่อสื่อสารในกรณีเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วน รวมถึงการแจ้งผลการพิจารณาออกหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานวิชาชีพให้กับผู้ขอหนังสือรับรองความรู้ฯ แล้วยื่นแบบคำขอ และเอกสารหลักฐานผ่านทางไปรษณีย์ ถึงเลขาธิการคุรุสภา สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สำนักมาตรฐานวิชาชีพ เลขที่ 128/1 ถนนนครราชสีมา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

การชำระค่าธรรมเนียมการเทียบโอนความรู้ฯ (เฉพาะมาตรฐานความรู้ที่ผ่านการรับรองฯ โดยวิธีการเทียบโอน) สามารถดำเนินการผ่าน 2 ช่องทาง ดังนี้ ผ่านเคาน์เตอร์บริการ ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ เข้าบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ เลขที่ 059-6-01254-3 หรือผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ แอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT ของธนาคารกรุงไทย

ดาวน์โหลดเอกสารแบบขอรับหนังสือรับรองความรู้ตามมาตรฐานฯ ประกาศข้อบังคับคุรุสภาฯ และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ksp.or.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สำนักมาตรฐานวิชาชีพ กลุ่มรับรองความรู้และความชำนาญ เลขที่ 128/1 ถนน นครราชสีมา แขวง ดุสิต เขต ดุสิต กรุงเทพฯ 10300 หมายเลขโทรศัพท์ 0 2282 4862 หรืออีเมล : [email protected]

** ดาวน์โหลดแบบคำขอ **

ขอบคุณเนื้อหาจาก คุรุสภา

เรื่องราวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ครูผู้สอนดีเด่น ประจำปี 2565 คุรุสภาประกาศผลการคัดเลือกรางวัลครูผู้สอนดีเด่น ประจำปี 2565

ต่อใบประกอบวิชาชีพครูออนไลน์ 2565 วิธีการต่อใบประกอบวิชาชีพครูออนไลน์ ขั้นตอนการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ใน KSP Self Service

รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการพัฒนา โครงการประยุกต์ใช้หลักสมาธิในการปฏิบัติตน ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพผ่านทางออนไลน์ จำนวน 500 คน

0

รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการพัฒนา โครงการประยุกต์ใช้หลักสมาธิในการปฏิบัติตน ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพผ่านทางออนไลน์ จำนวน 500 คน

คุรุสภา ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการพัฒนาใน โครงการประยุกต์ใช้หลักสมาธิในการปฏิบัติตน ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพผ่านทางออนไลน์ จำนวน 500 คน คุรุสภาเชิญชวนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาสมัครเข้ารับการอบรมโครงการประยุกต์ใช้หลักสมาธิในการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ผ่านทางออนไลน์ จำนวน 500 คน ระหว่างวันที่ 12 – 26 กันยายน 2565 เพื่อพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาด้านคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของวิชาชีพทางการศึกษา ส่งเสริมให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาตระหนักถึงความสำคัญของการประพฤติปฏิบัติตนตามหลักจรรยาบรรณของวิชาชีพทางการศึกษา และเพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษานำความรู้จากหลักสูตรไปปรับใช้ในการประกอบวิชาชีพ และในชีวิตประจำวัน โดยเนื่องจากคุรุสภาเล็งเห็นถึงความสำคัญของการฝึกสมาธิ ซึ่งเป็นหนึ่งในการพัฒนาจิตใจ มีกระบวนการและขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดปัญญาในการใช้ชีวิตอย่างมี นั้น

บัดนี้ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้ตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อยแล้ว โดยผู้มีสิทธิ์รับเข้าการพัฒนาฯ จำนวน 500 คน แบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 50 คน อบรมทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 13.00 – 17.00 น. ระหว่างวันที่ 8 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2565 แต่ละกลุ่มจะมีพี่เลี้ยงของสถาบันพลังจิตตานุภาพดูแล ผู้เข้ารับการพัฒนาฯ ตลอดทั้งโครงการ โดยพี่เลี้ยงจะติดต่อประสานไปยังผู้เข้ารับการพัฒนาฯ ผ่านช่องทางอีเมล/ โทรศัพท์/ ไลน์ส่วนตัว ระหว่างวันที่ 1 – 7 ตุลาคม 2565 เพื่อเตรียมความพร้อม ในการเข้ารับการพัฒนาฯ ต่อไป

รายชื่อ ผู้มีสิทธิ์เข้ารับการพัฒนาใน โครงการประยุกต์ใช้หลักสมาธิในการปฏิบัติตน คลิกที่นี่

ขอบครุณที่มา คุรุสภา

เรื่องราวที่น่าสนใจ อบรมออนไลน์ รับเกียรติบัตร จากคุรุสภา คุรุสภาเปิดรับสมัคร ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาเข้าร่วมพัฒนาจรรยาบรรณของวิชาชีพทางการศึกษาผ่านบทเรียนออนไลน์

สถานศึกษาเขตพิเศษ ใช้เป็นเงื่อนไขในการลดระยะเวลา จาก 4 ปี เหลือ 3 ปี สำหรับการขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา

สถานศึกษาเขตพิเศษ ใช้เป็นเงื่อนไขในการลดระยะเวลา จาก 4 ปี เหลือ 3 ปี สำหรับการขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา

ก.ค.ศ. พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบรายชื่อโรงเรียนสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษ จํานวน 3,490 แห่ง เพื่อประโยชน์สําหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษดังกล่าวได้ลดระยะเวลาการดํารงตําแหน่งจาก 4 ปี เหลือ 3 ปี โดยสํานักงาน ก.ค.ศ. ได้ประกาศรายชื่อสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการลดระยะเวลา การขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ สําหรับสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา

โรงเรียนเขตพิเศษ ใช้เป็นเงื่อนไขในการลดระยะเวลาจาก 4 ปี เหลือ 3 ปี สำหรับการขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา

โรงเรียนเขตพิเศษ ใช้เป็นเงื่อนไขในการลดระยะเวลาจาก 4 ปี เหลือ 3 ปี สำหรับการขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา

รายชื่อสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษ เพื่อใช้เงื่อนไขในการลดระยะเวลา สังกัด สพฐ คลิกที่นี่

รายชื่อสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษ เพื่อใช้เงื่อนไขในการลดระยะเวลา สังกัด สอศ คลิกที่นี่

รายชื่อสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษ เพื่อใช้เงื่อนไขในการลดระยะเวลา สังกัด กศน คลิกที่นี่

รายชื่อโรงเรียนเขตพิเศษ ใช้เป็นเงื่อนไขในการลดระยะเวลาการขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา ประกาศรายชื่อสถานศึกษาในพื้นที่พิเศษเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการลดระยะเวลาการขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา

รายชื่อโรงเรียนเขตพิเศษ ใช้เป็นเงื่อนไขในการลดระยะเวลา การขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับสายงานการสอนและสายงานบริหารสถานศึกษา

ขอบคุณเนื้อหาจาก สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม รายงาน pa ตำแหน่ง ครู ไฟล์ doc. word. ลิงก์ ดาวน์โหลดที่นี่ แบบรายงานผลการปฏิบัติงานครู รายงานผล การพัฒนางานตามข้อตกลง pa

ฐานเงินเดือนข้าราชการครู ขั้นเงินเดือนครู การเลื่อนเงินเดือนครู ของข้าราชการครู และ บุคลากรทางการศึกษา

ฐานเงินเดือนข้าราชการครู ขั้นเงินเดือนครู การเลื่อนเงินเดือนครู ของข้าราชการครู และ บุคลากรทางการศึกษา

ฐานเงินเดือนข้าราชการครู ขั้นเงินเดือนครู การเลื่อนเงินเดือนครู ของข้าราชการครู และ บุคลากรทางการศึกษา การเลื่อนเงินเดือน ของข้าราชการครู และ บุคลากรทางการศึกษา

สำนักงานข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้เผยแพร่ข้อมูล   การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลการทางการศึกษา ในวารสาร ก.ค.ศ. ฉบับที่ 2 ปี 2563 ดังต่อไปนี้

กฎก.ค.ศ.การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ. 2561 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 135 ตอนที่ 76 ก มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไปการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจึงได้เปลี่ยนระบบการเลื่อนเงินเดือนเป็นแบบขั้น เป็นระบบการเลื่อนเงินเดือนแบบช่วง

โดยก.ค.ศ.ได้กำหนดฐานในการคำนวณและช่วงเงินเดือนในแต่ละอันดับของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและได้แจ้งให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติตามหนังสือสำนักงานก.ค.ศ. ที่ศธ. 0206.7/ว5 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 และเพื่อให้การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกันจึงขออธิบายเกี่ยวกับการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาดังนี้

1.การเลื่อนเงินเดือนตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2562 ให้ใช้บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแนบท้ายพระราชบัญญัติเงินเดือนเงินวิทยฐานะและเงินประจําตําแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาฉบับที่ 3 พ.ศ. 2558

ฐานเงินเดือนข้าราชการครู ขั้นเงินเดือนครู การเลื่อนเงินเดือนครู ของข้าราชการครู และ บุคลากรทางการศึกษา

2.การคำนวณจำนวนเงินสำหรับการเลื่อนเงินเดือนให้ใช้ฐานในการคํานวณและช่วงเงินเดือนสำหรับการเลื่อนเงินเดือนในแต่ละอันดับของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครั้งแรกตั้งแต่รอบการประเมินครั้งที่ 1 วันที่ 1 เมษายน 2562

โดยการเลื่อนเงินเดือนให้คำนวณจากฐานในการคำนวณของอันดับ เงินเดือนของตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ ตัวอย่างเช่น

ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับเงินเดือนในอันดับค.ศ. 2 วิทยฐานะ ครูชำนาญการ ให้ใช้ฐานในการคำนวณและช่วงเงินเดือนอันดับค.ศ.2

ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับเงินเดือนในอันดับค.ศ. 3 อาศัยรับเงินเดือนอันดับค.ศ. 4 ให้ใช้ฐานในการคำนวณและช่วงเงินเดือนในอันดับค.ศ.3 จากตัวอย่างดังกล่าวข้างต้นสามารถแสดงการใช้ฐานในการคํานวณและช่วงเงินเดือนได้ดังภาพตัวอย่างการใช้ฐานในการคำนวณต่อไปนี้

ฐานเงินเดือนข้าราชการครู ขั้นเงินเดือนครู การเลื่อนเงินเดือนครู ของข้าราชการครู และ บุคลากรทางการศึกษา

ฐานเงินเดือนข้าราชการครู ขั้นเงินเดือนครู การเลื่อนเงินเดือนครู ของข้าราชการครู และ บุคลากรทางการศึกษา

3. การคำนวณวงเงินงบประมาณและการบริหารวงเงินสำหรับการเลื่อนเงินเดือนในแต่ละรอบการประเมินให้ส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้

3.1 บริหารวงเงินในภาพรวมของส่วนราชการโดยนับรวมเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับเงินเดือนตามบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเฉพาะตำแหน่งที่มีผู้ดำรงตำแหน่งอยู่นะวันที่ 1 มีนาคมหรือ 1 กันยายนแล้วแต่กรณีมาคำนวณวงเงินงบประมาณสำหรับการเลื่อนเงินเดือนร้อยละ 3

3.2 การเลื่อนเงินเดือนในแต่ละรอบการประเมินให้อยู่ในวงเงินร้อยละ 3 ของเงินเดือนรวมของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหากมีเงิน เหลือไม่สามารถนำมาใช้ในรอบการประเมิน ต่อไปได้อีก

3.3 แยกวงเงินการเลื่อนเงินเดือนออกเป็น 2 กลุ่มคือ
กลุ่มที่ 1 ตำแหน่งและวิทยฐานะที่ได้รับเงินเดือนอันดับครูผู้ช่วย ค.ศ.1 ค.ศ.2 และ ค.ศ.3
กลุ่มที่ 2 ตำแหน่งและวิทยฐานะที่ได้รับเงินเดือนในอันดับค.ศ.4 และ ค.ศ.5

3.4 กำหนดกรอบวงเงินในการเลื่อนเงินเดือนรายบุคคลได้ไม่เกินร้อยละ 6 ของฐานในการคํานวณและช่วงเงินเดือนสำหรับการเลื่อนเงินเดือนในแต่ละอันดับของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

ฐานเงินเดือนข้าราชการครู ขั้นเงินเดือนครู การเลื่อนเงินเดือนครู ของข้าราชการครู และ บุคลากรทางการศึกษา

เข้าอ่านวารสาร ก.ค.ศ. เรื่อง การเลื่อนเงินเดือนครู คลิกที่นี่

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลจาก คุณศิริรัตน์ เสือโรจน์ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาระบบค่าตอบแทน ภารกิจเสริมสร้างและพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการ สำนักงานข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้เผยแพร่ข้อมูล การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นอย่างสูงค่ะ