เช็คที่นี่! เปิดสถิติ 5 จังหวัดที่มี การเรียกบรรจุ ครูผู้ช่วย มากที่สุด ปี2559

วันนี้เว็บไซต์ครูอัพเดตดอทคอม มีข้อมูลที่ว่าที่ครูผู้ช่วยทุกท่าน สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจ เพื่อใช้ในการไปสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่กำลังจะมาถึง ซึ่งในวันนี้ก็ขอนำสถิติ 5 จังหวัดที่มี การเรียกบรรจุ ครูผู้ช่วย มากที่สุด ปี2559 โดยข้อมูลทั้งหมดได้มาจาก สพร.สพฐ. ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 และขอนำเสนอข้อมูลดังนี้

อันดับ 5 จังหวัดระยอง

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 180 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 205 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ปฐมวัย บรรณารักษ์ 

อันดับ 4 จังหวัดปทุมธานี

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 196 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 330 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ปฐมวัย บรรณารักษ์ ฟิสิกส์ ประถมศึกษา ศิลปศึกษา ดหกรรม อุตสาหกรรมศิลป์

อันดับ 3 จังหวัดบุรีรัมย์ 

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 220 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 230 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน พลศึกษา ดนตรีศึกษา เทคโนโลยี ปฐมวัย บรรณารักษ์ ฟิสิกส์ ประถมศึกษา ศิลปศึกษา ดหกรรม อุตสาหกรรมศิลป์

อันดับ 2 จังหวัดกรุงเทพมหานคร

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 229 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 770 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเยอรมัน อุตสาหกรรมศิลป์ วัดและประเมินผล

อันดับ 1 จังหวัดชัยภูมิ

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 237 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 237 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ทุกวิชาเอกที่ขึ้นบัญชี

ที่มา : สรุปจำนวนผู้สอบแข่งขันได้ขึ้นบัญชี กศจ. ในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2559

ที่มา : สพร. สพฐ.

SAR คุณครู ไฟล์word 2565

ใกล้เข้ามาแล้วครับสำหรับการทำ รายงานการปะเมินตนเอง (SAR : Self Assessment Report) วันนี้เว็บไซต์ครูอัพเดตดอทคอมขอนำแบบฟอร์มเอกสารที่ไฟล์ ไมโครซอฟต์เวิร์ด ที่เป็นไฟล์ต้นแบบที่คุณครูสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมได้ตามสะดวกครับ สามารถดาวน์โหลดที่ลิงก์ด้านล้างนี้ครับ

ตามที่ข้าพเจ้าตำแหน่ง ครู ได้ปฏิบัติหน้าที่การสอนโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงรายเขต ๕ ได้จัดทำเอกสารหลักฐานประกอบผลการปฏิบัติงานฉบับนี้ เพื่อประเมินตนเองในการปฏิบัติหน้าที่การสอน และงานพิเศษ ในการรายงานผลการปฏิบัติงานครั้งนี้ ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้นำจุดเด่นมาพัฒนาการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้น และจะนำจุดที่ควรพัฒนาการจัดการเรียนการสอน และงานพิเศษให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รายงานผลการปฏิบัติงานครั้งนี้เป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง ทำให้บังเกิดผลดีต่อการพัฒนาเอง และทางราชการอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานต่อไป

รายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเล่มนี้ได้จัดทำเพื่อสรุปผลการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 เดือนตุลาคม พ.ศ.2563 – 31 เดือนมีนาคม พ.ศ.2564 ซึ่งได้สรุปกิจกรรมที่ได้ปฏิบัติ พอสังเขปและแสดงให้เห็นถึงผลที่เกิดในด้านต่างๆ ทั้งต่อตนเอง นักเรียน โรงเรียนอีกทั้งชุมชม นอกจากนี้ยังได้นำเสนอกิจกรรมบางกิจกรรมเพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการเขียนรายงานผลงานครั้งนี้ด้วย

ดังนั้นข้าพเจ้า จัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเล่มนี้จะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการประเมินการปฏิบัติงานของข้าพเจ้าได้เป็นอย่างดี

SAR คุณครู ไฟล์word 2565

เนื้อหาในเล่ม

1.ปก
2.บันทึกข้อความ
3.คำนำ
4.สารบัญ
5.ประวัติส่วนตัว
6 แบบประเมินเลื่อนขั้น สายงานการสอน
7 บันทึกหลักฐานร่องรอย ข้อมูล เกียรติบัตร คำสั่ง รูปภาพ
8 ตอนที่ 1 การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน
9 ตอนที่ 1 การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน
10 ตอนที่ 2 การประเมินการปฏิบัติตนในก จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ
11 ตอนที่ 2 การประเมินการปฏิบัติตนในก ม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ
13 ภาคผนวก
14 ภาคผนวก เกียรติบัตร

14-ภาคผนวก-เกียรติบัตร-หน้า-222

13-ภาคผนวก-หน้า-221

11-ตอนที่-2-การประเมินการปฏิบัติตนในการรักษาวินัย-คุณธรรม-จริยธรรม-และจรรยาบรรณวิชาชีพ

10-ตอนที่-2-การประเมินการปฏิบัติตนในการรักษาวินัย-คุณธรรม-จริยธรรม-และจรรยาบรรณวิชาชีพ

9-ตอนที่-1-การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน

8-ตอนที่-1-การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน

7-บันทึกหลักฐานร่องรอย-ข้อมูล-เกียรติบัตร-คำสั่ง-รูปภาพ

6-แบบประเมินเลื่อนขั้น-สายงานการสอน

5.ประวัติส่วนตัว

4.สารบัญ

3.คำนำ

2.บันทึกข้อความ

1.ปก

ขอบคุณที่มาของข้อมูลนะครับ

https://sites.google.com/site/hxngnithessnlek/baeb-rayngansar-khxng-khruhttp://jatuporn.ucoz.com/www.mvsk.ac.th/      

เช็คที่นี่! เปิดสถิติ 5 จังหวัดที่มี การเรียกบรรจุ ครูผู้ช่วย มากที่สุด ปี2559

วันนี้เว็บไซต์ครูอัพเดตดอทคอม มีข้อมูลที่ว่าที่ครูผู้ช่วยทุกท่าน สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจ เพื่อใช้ในการไปสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่กำลังจะมาถึง ซึ่งในวันนี้ก็ขอนำสถิติ 5 จังหวัดที่มี การเรียกบรรจุ ครูผู้ช่วย มากที่สุด ปี2559 โดยข้อมูลทั้งหมดได้มาจาก สพร.สพฐ. ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 และขอนำเสนอข้อมูลดังนี้

อันดับ 5 จังหวัดระยอง

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 180 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 205 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ปฐมวัย บรรณารักษ์ 

อันดับ 4 จังหวัดปทุมธานี

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 196 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 330 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ปฐมวัย บรรณารักษ์ ฟิสิกส์ ประถมศึกษา ศิลปศึกษา ดหกรรม อุตสาหกรรมศิลป์

อันดับ 3 จังหวัดบุรีรัมย์ 

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 220 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 230 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน พลศึกษา ดนตรีศึกษา เทคโนโลยี ปฐมวัย บรรณารักษ์ ฟิสิกส์ ประถมศึกษา ศิลปศึกษา ดหกรรม อุตสาหกรรมศิลป์

อันดับ 2 จังหวัดกรุงเทพมหานคร

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 229 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 770 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเยอรมัน อุตสาหกรรมศิลป์ วัดและประเมินผล

อันดับ 1 จังหวัดชัยภูมิ

มีอัตราการเรียกบรรจุทั้งหมด 237 อัตรา จากจำนวนที่ขึ้นบัญชี 237 คน วิชาเอกที่เรียกหมดบัญชี ทุกวิชาเอกที่ขึ้นบัญชี

 

ที่มา : สรุปจำนวนผู้สอบแข่งขันได้ขึ้นบัญชี กศจ. ในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2559

ที่มา : สพร. สพฐ.

เช็คด่วน! เอกสารหลักฐาน ที่ใช้สมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วย รอบทั่วไป ครั้งที่1/2560

วันนี้เว็บไซต์ครูอัพเดตดอทคอมขอนำ เสนอข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวสมัครสอบบรรจุ ครูผู้ช่วยครั้งที่ 1/2560 ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารและหลักฐานที่จะต้องนำไปยื่นในวันสมัครสอบ บรรจุครูผู้ช่วยของแต่ละจังหวัด ตามประกาศของกศจ. แต่ละจังหวัดที่เปิดสอบบรรจุครูผู้ช่วย ขอย้ำว่าในปีนี้จะรับสมัครเป็นรายจังหวัด และสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วยได้เพียง 1 จังหวัดเท่านั้น ถ้าสมัครมากกว่า 1 จังหวัด จะถูกตัดสิทธิ์ในการสอบบรรจุครูผู้ช่วย โดยมีกำหนดการดังนี้

ดัง นั้นเพื่อให้มีความพร้อมในการสมัครสอบบรรจุครั้งที่ 1/2560 ถึงมีแม้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ เราก็ควรจะเตรียมเอกสารต่างๆในการสอบครูผู้ช่วยให้พร้อมโดยมีรายละเอียดดังนี้

1 ใบสมัครคัดเลือก ตาม แบบที่กำหนดในเอกสารประกาศรับสมัครของแต่ละจังหวัดที่กรอกข้อมูลครบถ้วนด้วย ตัวบรรจง จำนวน 1 ฉบับ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดจากประกาศรับสมัคร หรือ ขอรับในวันรับสมัครของแต่ละจังหวัด
2. บัตรประจำตัวประชาชน ฉบับจริง ที่ยังไม่หมดอายุ พร้อมสำเนาภาพถ่ายที่รับรองด้วยลายมือ จำนวน 1 ฉบับ

3. ทะเบียนบ้านฉบับที่มีชื่อผู้สมัครคัดเลือกปรากฎอยู่  ฉบับจริง พร้อมสำเนาภาพถ่ายที่รับรองด้วยลายมือ   จำนวน  1 ฉบับ

4. ปริญญาบัตร  หนังสือรับรองคุณวุฒิการศึกษา ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า โดยต้องได้รับการอนุมัติก่อนวันรับสมัครวันสุดท้าย ฉบับจริง พร้อมสำเนาภาพถ่ายที่รับรองด้วยลายมือ จำนวน  1 ฉบับ

5 ระเบียนแสดงผลการเรียน (Transcript) ระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าที่ระบุสาขาวิชาเอกที่สมัคร โดยต้องได้รับการอนุมัติก่อนวันรับสมัครวันสุดท้าย ฉบับจริง พร้อมสำเนาภาพถ่ายที่รับรองด้วยลายมือ จำนวน  1 ฉบับ

6. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ที่ยังไม่หมดอายุ  หรือ ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน โดยต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจก่อนวันสมัครสอบวันสุดท้าย ฉบับจริงพร้อมสำเนาที่รับรองด้วยลายมือ จำนวน  1 ฉบับ

7. ใบรับรองแพทย์ที่ออกให้โดยสถานพยาบาลของรัฐ  ออกให้ไม่เกิน 1 เดือน  นับถึงวันรับสมัครวันสุดท้าย ฉบับจริง และแสดงว่าไม่เป็นโรคต้องห้ามตามกฎก.ค.ศ.ว่าด้วยโรค พ.ศ.๒๕๔๙ ดังนี้

(1) โรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะที่ปรากฎอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม

(2) วัณโรคในระยะติดต่อ

(3) โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฎอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม

(4) โรคติดยาเสพติดให้โทษ

(5) โรคพิษสุราเรื้อรัง

8. รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวกและไม่สวมแว่นตาสีดำ  สวมชุดสุภาพ ขนาด  1 * 1.5 นิ้ว  ซึ่งถ่ายมาแล้ว ไม่เกิน 6 เดือน (ต้องถ่ายในครั้งเดียวกัน) จำนวน  4 รูป

9. หลักฐานอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนชื่อ – สกุล, ทะเบียนสมรส ฯลฯ ฉบับจริงพร้อมสำเนา อย่างละ 1 ชุด

10. ผู้สมัครสอบที่เป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นต้องมีหนังอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจบรรจุและแต่งตั้ง (ตามพรบ.ครูและบุคลากรฯ มาตรา 53) ใหสมัครสอบแข่งขันและยินยอมให้โอนย้ายโดยไม่มีเงื่อนไขเมื่อสอบแข่งขันได้ ฉบับจริง

 

*** อย่างไรก็ดีให้ท่านตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดกับประกาศของ กศจ.แต่ละจังหวัด ที่ต้องการสมัครอีกครั้งนะครับ*****

เช็คด่วน! เอกสารและหลักฐาน สมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ครั้งที่ 1/2560

วันนี้เว็บไซต์ครูอัพเดตดอทคอมขอนำสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการสมัครสอบมานำเสนอให้ผู้ที่กำลังเตรียมตัวสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วยกรณีพิเศษครั้ง ที่ 1/2560 ได้เตรียมตัวเพื่อนำเอกสารเหล่านี้ไปยื่นพร้อมใบสมัคร จะมีเอกสารอะไรบ้างนั้นมาตรวจสอบกันเลยครับ

๑ ใบสมัครตามแบบที่กำหนด จำนวน ๑ ฉบับ
๒ สำเนาปริญญาบัตรหรือหนังสือรับรองคุณวุฒิ พร้อมฉบับจริง จำนวน ๑ ฉบับ
๓ สำเนาระเบียนแสดงผลการเรียน (Transcript) ฉบับภาษาไทย ที่ระบุสาขาวิชาเอก พร้อมฉบับจริง จำนวน ๑ ฉบับ
๔ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูเพื่อใช้ในการสมัครคัดเลือก ให้ใช้หลักฐานที่คุรุสภาออกให้ (๑) ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู (๒) ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน (ยังไม่หมดอายุ)
ฉบับจริงพร้อมสำเนา จำนวน ๑ ฉบับ
๕ สำเนาทะเบียนบ้านฉบับจริงพร้อมสำเนา จำนวน ๑ ฉบับ (กรณีไม่สามารถนำทะเบียนบ้านฉบับจริงไปแสดงได้ ให้ดำเนินการไปติดต่อขอคัดลอกทะเบียนบ้าน ณ ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเขต (ในกรุงเทพมหานคร) หรือเทศบาลใดก็ได้นำไปใช้แทน ซึ่งออกให้ไม่เกิน ๖๐ วัน)
๖ บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง พร้อมสำเนา จำนวน ๑ ฉบับ
๗ รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก และไม่สวมแว่นตาดำ ถ่ายครั้งเดียวกัน และถ่ายไม่เกิน ๖ เดือน ขนาด ๑ นิ้ว จำนวน ๓ รูป
๘ ใบรับรองแพทย์จากแพทย์ (ควรขอจากโรงพยาบาลของรัฐ) ซึ่งแพทย์ได้ขึ้นทะเบียนได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลป์สาขาเวชกรรมซึ่งออกให้ไม่เกิน ๑ เดือนนับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร จำนวน ๑ ฉบับและแสดงว่าไม่เป็นโรคต้องห้ามตามกฎก.ค.ศ.ว่าด้วยโรค พ.ศ.๒๕๔๙ ดังนี้
(๑) โรคเรื้อนในระยะติดต่อหรือในระยะที่ปรากฎอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม
(๒) วัณโรคในระยะติดต่อ
(๓) โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฎอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม
(๔) โรคติดยาเสพติดให้โทษ
(๕) โรคพิษสุราเรื้อรัง
๙ แบบรายงานประวัติการปฏิบัติงานตามแบบที่กำหนดและสำเนาคำสั่งหรือสำเนาสัญญาจ้างของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเท่านั้น (โดยมีผู้บริหารสถานศึกษาคนปัจจุบันรับรองสำเนา) จำนวน ๑ ฉบับ
๑๐ หนังสือรับรองของโรงเรียนกรณีจ้างจากเงินรายได้ของสถานศึกษา จำนวน ๑ ฉบับ (ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินรายได้สถานศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นนิติบุคคล พ.ศ.๒๕๔๖ หรือระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าด้วยการบริหารจัดการเกี่ยวกับเงินรายได้สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ.๒๕๔๙ และประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าด้วยหลักเกณฑ์อัตรา และวิธีการนำเงินรายได้สถานศึกษาไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ.๒๕๕๑)
๑๑ แบบรายงานประวัติและผลงานเพื่อใช้ประกอบการประเมินตัวชี้วัด สำหรับการคัดเลือกบุคคล เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ ซึ่งได้รับการรับรองจากผู้อำนวยการสถานศึกษาพร้อมหลักฐานตามองค์ประกอบการประเมิน ตัวชี้วัด (ตามแบบที่กำหนดแนบท้ายประกาศฯ) จำนวน ๓ เล่ม
๑๒ แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติงาน  ตามองค์ประกอบการประเมิน ตัวชี้วัดและคะแนนการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพ (ข้อ ๙) (ใส่ซองปิดผนึกประทับตราลับพร้อมลงลายมือชื่อผู้บริหารสถานศึกษาปัจจุบันกำกับ) จำนวน ๑ ชุด
๑๓ ตารางสอนในภาคเรียนปัจจุบัน ณ วันที่สมัครเข้ารับการคัดเลือก จำนวน ๑ ฉบับ
๑๔ หลักฐานอื่น ๆ เช่น หนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล ทะเบียนสมรส(ถ้ามี) ฉบับจริง พร้อมสำเนา จำนวน ๑ ฉบับ

*หากผู้สมัครคัดเลือกขาดหลักฐานดังกล่าวข้างต้น ไม่มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือก

** อย่างไรก็ดีให้ท่านตรวจสอบกับประกาศของแต่ละ กศจ. อีกครั้งเพื่อประโยชน์ของตัวท่านเองครับ **

ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก กศจ.กทม.

ดูด่วน 5 วิชาเอกครูผู้ช่วย สอบติดแล้ว มีโอกาสเรียกบรรจุเยอะสุด!

การสอบบรรจุครูผู้ช่วยใกล้เข้ามาแล้วหลายคนถาม สงสัย ทำอย่างไรจะได้บรรจุเป็นครูผู้ช่วย เพราะบางคนเรียนหลักสูตรครู 5 ปี บางคนเรียนหลักสูตร 4+1 ซึ่งทุกคนก็มีเป้าหมายเดียวกันคือการสอบบรรจุครูผู้ช่วยให้ได้ และเป็นข้าราชการ ตามที่ตั้งเป้าหมาย สำหรับวันนี้ครูอัพเดตดอทคอมก็มีข้อมูลมานำเสนอว่าจากสถิติที่เรียกบรรจุและทิศทางของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะ สพฐ.  เรามาตรวจสอบว่าวิชาเอกไหนที่มีโอกาสเรียกบรรจุมากที่สุด 5 อันดับดังนี้ครับ (ข้อมูลชุดนี้ไม่ได้มีผลการวิจัยรองรับนะครับเป็นแค่เพียงการวิเคราะห์แนวโน้มเท่านั้น)

เริ่มจากอันดับที่ 5 วิชาเอกปฐมวัย 

อันดับนี้ค่อนข้างเซอร์ไพส์นะครับสำหรับเอกปฐมวัยเข้ามาอยู่ในอันดับก็เพราะตอนนี้ สพฐ. มีนโยบายจะเปิดสอนอนุบาลสามขวบครับ เมื่อเปิดอนุบาลสามขวบในโรงเรียนนำร่องและในทุกโรงเรียนในปีต่อไป แน่นอนครับเอกนี้ต้องมีการเรียกบรรจุเยอะแน่นอนในช่วงปีนี้ครับ

อันดับที่ 4 วิชาสังคมศึกษา 

อันดับนี้ก็เป็นอีก 1 เซอร์ไพส์นะครับ สำหรับสังเอกสังคมศึกษาเข้ามาอยู่ในอันดับก็เพราะตอนนี้ สพฐ. มีนโยบายจะแยกสาระวิชาภูมิศาสตร์ ซึ่งตอนนี้ทำให้กลุ่มสาระการเรียนสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม มีการสอนในวิชา สังคมฯ ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และภูมิศาสตร์ รวมทั้งวิชาอื่นๆอีกเพียบ ทำให้ตอนนี้วิชาเอกสังคมศึกษาจะต้องมีการเรียกบรรจุเพิ่มเติมขึ้นอย่างแน่นอน

อันดับที่ 3 วิชาภาษาอังกฤษ

วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอกที่มีการเรียกบรรจุสูงมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา และเป็นวิชาที่จำเป็นในทุกโรงเรียน ยิ่งตอนนี้ สพฐ.เน้นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 และมีนโยบายต่างๆเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ถ้าสอบติดแล้วมีโอกาสเรียกบรรจุสูงมากแน่นอนครับ

อันดับที่ 2 วิชาภาษาไทย

วิชาภาษาไทยเป็นวิชาเอกที่มีการเรียกบรรจุสูงมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา และเป็นวิชาที่จำเป็นในทุกโรงเรียน เพราะ สพฐ.เน้นการอ่านออกเขียนได้ และมีนโยบายต่างๆเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาไทยรับรองว่าถ้าสอบติดแล้วมีโอกาสเรียกบรรจุสูงมากๆครับ

อันดับที่ 1 วิชาคณิตศาสตร์

วิชาเอกคณิตศาตร์มีความจำเป็น/สำคัญในทุกโรงเรียนและมีสถิติการเรียกบรรจุเยอะมากครับ โดยเฉพาะเมื่อขึ้นบัญชีแล้วทุก กศจ. แทบจะมีการเรียกบรรจุจนหมดบัญชีนะครับ เพราะฉะนั้นเมื่อขึ้นบัญชีแล้วรับรองว่าวิชาเอกนี้มีอัตราการเรียกบรรจุสูงที่สุดแน่นอนครับ

 

ยังไงก็ขอให้ทุกท่านโชคดีในการสอบบรรจุนะครับ ขอให้ได้เป็นคุณครูผู้ช่วยคนใหม่กันทุกคนนะครับ

 

ครูอัพเดตดอทคอม

อยากเป็นครู ต้องทำอย่างไร

อยากเป็นครู ต้องทำอย่างไร

1. เรียนหลักสูตรทางการศึกษา
(หลักสูตรที่ผลิตบัณฑิตให้เป็นครู) 5 ปี ที่คุรุสภารับรองเป็นทางที่ดีที่สุด ตรงตามมาตรฐานวิชาชีพครูที่สุด http://news.ksp.or.th/ksplibr…/index.php/2015-06-08-04-28-33

หมายเหตุ วิชาเอกที่เลือก มีผลต่อการสอบบรรจุ วิชาเอกที่ไม่ใช่สายการสอนน้องๆ หนูๆ ควรพิจารณารายละเอียดให้ชัดเจนว่า จะเป็นครูผู้สอนหรือไม่ก่อนตัดสินใจเลือกวิชาเอก ทั้งนี้สายงานการบริหารงานในโรงเรียนไต่เต้าจากการเป็นครู

สำหรับผู้เลือกวิชาชีพอื่นไปแล้วจนได้รับคุณวุฒิ เรียกว่า ป.ตรีอื่น หาก

1. วิชาเอกที่มี ไม่ใช่วิชาหลักในโรงเรียน ไปเลือกเรียน หลักสูตรทางการศึกษา 5 ปี ใหม่จะดีที่สุด

2. มีวิชาเอกหลัก เช่น เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ลองดูโครงการ สควค.หรือโครงการพิเศษต่างๆ ของหน่วยผู้ใช้ครู
(โปรดเข้าเว็บไซต์ของหน่วยผู้ใช้ครู แล้วค้นหาเอง)

3. หากมีวิชาเอกหลัก ลองเลือกเรียน ป.โท ชนิดรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง (ดูการรับรองที่ลิงค์ที่ให้)

4. สำหรับ ป.บัณฑิตวิชาชีพครู ไม่แนะนำให้รอเรียนเนื่องจากเป็นหลักสูตรเฉพาะของโครงการของหน่วยผู้ใช้ครู
ที่มีความจำเป็นในการใช้ครู ร้องขอมาก่อน จึงจะเกิดขึ้น ไม่ได้มีต่อเนื่องไม่ได้มีเป็นประจำ หน่วยผู้ใช้ครูควรทำในโครงการเฉพาะจริงๆ เพราะขณะนี้ผู้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมีเกินความต้องการอยู่แล้ว

หากหน่วยผู้ใช้ครูเลือกรับผู้มีใบอนุญาตอยู่แล้วก็จะลดความยุ่งยากในการทำเอกสารต่างๆและผู้ถือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจะทำการสอนได้อย่างเต็มที่

หากหน่วยผู้ใช้ครูเลือกผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมาทำการสอนสิ่งที่ต้องตามมา คือ หน่วยผู้ใช้ครูต้องทำเรื่องขออนุญาตต่อคุรุสภาหลังจากนั้น บุคคลที่ทำการขออนุญาตจะเรียกร้องให้หน่วยผู้ใช้ครูส่งไปเรียนป.บัณฑิต ทางคุรุสภาก็จะต้องมาพิจารณาสิ่งที่หน่วยผู้ใช้ครูขอมามหาวิทยาลัยก็จะต้องไปจัดหลักสูตรดังกล่าวต่อไป ซึ่งในอนาคต
ผู้เรียนในหลักสูตรดังกล่าวจะลดลงจนไม่คุ้มทุนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดทำการสอน

เพราะ หลักสูตรทางการศึกษาโดยตรง จะดำเนินการผลิตบัณฑิตให้ตรงและเพียงพอต่อสาขาที่ต้องการยกเว้น สาขาเฉพาะที่ไม่มีเปิดสอนในหลักสูตรทางการศึกษา ซึ่งมีจำนวนน้อย

ดังนั้น อยากเป็นครู จงเลือกเรียนครูตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อการพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษาที่ตรงเป้าหมายนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาของชาติอย่างแท้จริง

 

อยากจะเป็นครูเริ่มต้นอย่างไรดี

มีหลายคนมักจะถามมาว่า “อยากเป็นครูจะเริ่มต้นอย่างไรดี?”

นึกในใจ “อยากเป็นครูก็เรียนครูซิคะ” คนเก่งๆ หลายคนก็เถียงว่า เรียนครูไม่รู้วิชากการนั้นๆ ลึกซึ้ง ไปเรียนสายตรงของวิชานั้นดีกว่า  พอเรียนจบมาก็โวยวายๆ กีดกันบ้างละ ใจแคบบ้างละ จะฟ้องศาลปกครองบ้างละ แหมๆๆๆ เจอคนเก่งแบบนี้เข้า เพลียใจอย่างแรงค่ะ

หลายครั้ง มักบอกผู้ถามเสมอว่า วงการครูเรา อยากได้ “คนดี” ก่อนค่ะ เพราะคนดี เมื่อเข้าไปเป็นครู เจอนักเรียนหลากหลายรูปแบบ เขาจะพยายามพัฒนาตนเองให้เท่าทันเด็กตลอด และพยายามที่จะให้ลูกศิษย์มีพัฒนาการตามควรในสิ่งที่หลักสูตรกำหนด หลักใหญ่คือ อ่านออกเขียนได้และคิดคำนวนได้ ท้ายที่สุด ครูคนนี้จะมีความเชี่ยวชาญในระดับขั้นี่เราเรียกว่า “เก่ง” เอง

แต่เมื่อไรที่ได้ “คนเก่ง” มาก่อน กลุ่มนี้เมื่อเจอปัญหาเด็กเข้า มักจะทิ้งเด็ก และคิดเสมอว่าเด็กโง่ เรียนไม่ได้ ตัวเขาเองถ่ายทอดและสอนได้ดีอยู่แล้ว เด็กไม่รู้เรื่องเอง แล้วก็พะนอเฉพาะเด็กเก่งแทน

ส่วนกลุ่มที่ไม่มีอะไรจะทำเลยมาเป็นครูนั้น ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ และพยายามแก้ไขกันต่อไปค่ะ

วันนี้หยิบเอา “อยากเป็นครูจะต้องทำอย่างไรมาฝากค่ะ

เนื้อความมาจากหน่วยงานของ ก.ค.ศ. ผู้ซึ่งมีหน้าที่กำหนดคุณสมบัติสำหรับผู้เข้ามาเป็นครู ดังนี้ค่ะ

ผู้ที่จะเข้าสู่วิชาชีพ ต้อง
1. มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547

2. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี/โท/เอก ในคุณวุฒิการศึกษาที่ ก.ค.ศ. รับรอง

3. มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ซึ่งออกให้โดยสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา

4. ผ่านการสอบคัดเลือกตามเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด

บันทึกนี้เขียนโดย : somkamol srisungnern

ข้อสอบ NT ป.3 พร้อมเฉลย 2565 ปีการศึกษา 2564

ข้อสอบ NT ป.3 พร้อมเฉลย 2565 ปีการศึกษา 2564

ข้อสอบ NT พร้อมเฉลย 2565 ปีการศึกษา 2564 สอบ nt เมื่อวันที่ 14-18 มีนาคม 2565 ประกาศผลสอบ nt วันที่ 27 เม.ย. 2565

การสอบ NT คือ การสอบประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( NT: National Test) จัดโดย สำนักทดสอบและประเมินผลทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบเพื่อใช้ประเมินคุณภาพของการเรียนการสอน และจัดสอบในระดับชั้น ป.3. โดยการสอบ NT นี้ จะมีข้อสอบที่ใช้มาตรฐานเดียวกันกับการทดสอบนานาชาติ (PISA) ซึ่งเน้นการทดสอบใน 2 ด้าน ได้แก่ ความสามารถพื้นฐานด้านการอ่าน และ ด้านความสามารถทางคณิตศาสตร์

ขอบคุณเนื้อหาจาก สำนักทดสอบทางการศึกษา
เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม วิธีดูผลสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2564 

ข้อสอบNT ป.3 พร้อมเฉลย2565 ปีการศึกษา 2564 สอบเมื่อวันที่ 14-18 มีนาคม 2565

ข้อสอบ NT พร้อมเฉลย 2565 ปีการศึกษา 2564 สอบ nt เมื่อวันที่ 14-18 มีนาคม 2565 ประกาศผลสอบ nt วันที่ 27 เม.ย. 2565

การสอบ NT คือ การสอบประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( NT: National Test) จัดโดย สำนักทดสอบและประเมินผลทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบเพื่อใช้ประเมินคุณภาพของการเรียนการสอน และจัดสอบในระดับชั้น ป.3. โดยการสอบ NT นี้ จะมีข้อสอบที่ใช้มาตรฐานเดียวกันกับการทดสอบนานาชาติ (PISA) ซึ่งเน้นการทดสอบใน 2 ด้าน ได้แก่ ความสามารถพื้นฐานด้านการอ่าน และ ด้านความสามารถทางคณิตศาสตร์