วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
Google search engine

ถ้ามีความจำเป็น คุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน

สวัสดีครับวันนี้ครูอัพเดตดอทคอมมีเรื่องราวและสาระดีดีมาฝากคุณครูและผู้ที่สนใจเช่นเคยนะครับ โดยสาระความรู้ในวันนี้ก็มีประเด็นคำถามฝากมาจากผู้ที่ติดตามครูอัพเดตดอทคอมทาง เพจfacebook ได้สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับ การลาของคุณครูว่าจะสามารถลาหรือมาสายได้ ไม่เกินกี่ครั้งถึงจะสามารถเลื่อนเงินเดือนได้ วันนี้ครูอัพเดตจึงได้รวบรวมข้อมูลมาตอบปัญหาและคลายความสงสัยในบทความที่ชื่อว่า ” ถ้ามีความจำเป็น คุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน ”

เนื่องจากการเลื่อนเงินเดือนของคุณครู ได้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดจากการประกาศใช้ กฎ ก.ค.ศ. การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561 และมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ซึ่งได้มีการกำหนดเกี่ยวกับการนับวันลาและมาสาย ของคุณครูไว้ในข้อที่ 10 (8) ดังนี้ครับ

การกำหนดวันลาในกฎ ก.ค.ศ.

ข้อ 10 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนในแต่ละครั้งต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

(1) ในครึ่งปีที่แล้วมามีผลการประเมินผลการปฏิบัติงานไม่ต่ ากว่าระดับพอใช้หรือร้อยละหกสิบ

(2) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ถูกสั่งลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษภาคทัณฑ์ หรือไม่ถูกศาลพิพากษา ในคดีอาญาให้ลงโทษในความผิดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือความผิดที่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ ต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของตน ซึ่งมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

(3) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ถูกสั่งพักราชการเกินกว่าสองเดือน

(4) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ขาดราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

(5) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องได้รับการบรรจุเข้ารับราชการมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่เดือนหรือได้ปฏิบัติราชการมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่เดือนก่อนถึงแก่ความตาย

(6) ในครึ่งปีที่แล้วมา สำหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศ ต้องมีเวลาปฏิบัติราชการไม่น้อยกว่าสี่เดือน

(7) ในครึ่งปีที่แล้วมา สำหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ลาติดตามคู่สมรสไปปฏิบัติราชการหรือปฏิบัติงานในต่างประเทศ ต้องมีเวลาปฏิบัติราชการไม่น้อยกว่าสี่เดือน
(8) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไม่ลา หรือมาทำงานสายเกินจำนวนครั้งที่หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายกำหนดเป็นหนังสือไว้ก่อนแล้ว โดยคำนึงถึงลักษณะงานและสภาพท้องที่อันเป็นที่ตั้งของแต่ละส่วนราชการหรือหน่วยงาน

(9) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องมีเวลาปฏิบัติราชการ โดยมีวันลาไม่เกินยี่สิบสามวัน แต่ไม่รวมถึงวันลา ตาม (6) หรือ (7) และวันลา ดังต่อไปนี้
(ก) ลาอุปสมบท หรือลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เฉพาะวันลาที่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลาตามกฎหมายว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน
(ข) ลาคลอดบุตรไม่เกินเก้าสิบวัน
(ค) ลาป่วยซึ่งจำเป็นต้องรักษาตัวเป็นเวลานานไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกัน ไม่เกินหกสิบวันทำการ
(ง) ลาป่วยเพราะประสบอันตรายในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าที่หรือในขณะเดินทางไปหรือกลับจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่
(จ) ลาพักผ่อน
(ฉ) ลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล
(ช) ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ
(ซ) ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร เฉพาะวันลาที่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลาตามกฎหมาย
(ฌ) ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ
การนับจำนวนวันลาไม่เกินยี่สิบสามวันสำหรับวันลากิจส่วนตัวและวันลาป่วย ที่ไม่ใช่วันลาป่วย ตาม (๙) (ง) ให้นับเฉพาะวันทำการ

**** จะเห็นได้ว่าในกฎก.ค.ศ. ยังไม่ได้กำหนดจำนวครั้งที่คุณครู สามารถลาหรือมาสายได้ แต่กำหนดเพียงว่าไม่ให้ลาเกิน 23 วัน โดยให้หัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้กำหนด (สพฐ. คือ เลขา กพฐ.) และ การลาให้นับวันลาเฉพาะ ลาป่วยและลากิจ ครับ ****

…………………………………….

การกำหนดวันลาและมาสาย ของ สพฐ.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ได้กำหนดวันลาและมาสายของ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไว้โดยเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ การเลื่อนเงินเดือนในวันที่ 1 เม.ย. 2562 เป็นต้นไป ดังนี้ครับ

ถ้ามีความจำเป็น คุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน ถ้ามีความจำเป็น คุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน
ถ้ามีความจำเป็นคุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน ถ้ามีความจำเป็น คุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน
ถ้ามีความจำเป็น คุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน ถ้ามีความจำเป็น คุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน
ถ้ามีความจำเป็นคุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน ถ้ามีความจำเป็น คุณครู สามารถลา หรือ มาสาย ได้กี่ครั้ง ถึงจะยังมีสิทธิ์ได้ เลื่อนเงินเดือน

เกณฑ์ที่ถือว่า “ลาบ่อยครั้ง”

(ก) ลาเกิน 6 ครั้ง สําหรับข้าราชการ/ลูกจ้างประจําที่ปฏิบัติราชการในสถานศึกษา

(ข) ลาเกิน 8 ครั้ง สําหรับข้าราชการ/ลูกจ้างประจําที่ปฏิบัติราชการในสํานักงาน

สําหรับข้าราชการ/ลูกจ้างประจําที่ลาเกินจํานวนครั้งที่กําหนด แต่ถ้าวันลารวมกันทุกครั้ง ไม่เกิน 15 วันทําการและมีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจสั่งเลื่อนเงินเดือน/ค่าจ้าง อาจพิจารณาผ่อนผันให้เลื่อนเงินเดือน/ค่าจ้างได้

เกณฑ์ที่ถือว่า “มาทํางานสายเนือง ๆ “

(ก) มาทํางานสายเกิน 8 ครั้ง สําหรับข้าราชการ/ลูกจ้างประจําที่ปฏิบัติราชการในสถานศึกษา

(ข) มาทํางานสายเกิน 9 ครั้ง สําหรับข้าราชการ/ลูกจ้างประจําที่ปฏิบัติราชการในสํานักงาน 

 

สรุป

จากข้อมูลข้างต้นสามารถสรุปรูปแบบในการลาและมาสายของคุณครู ต่อรอบการประเมิน เป็น 2 กรณีดังนี้ครับ

ปฏิบัติงานในโรงเรียน 

1. คุณครูที่ ลาไม่เกิน 6 ครั้ง โดยมีวันลารวมกันแล้ว ไม่เกิน 23 วัน และ มาสายไม่เกิน 8 ครั้ง สามารถเลื่อนเงินเดือนได้

2. คุณครูที่ ลาเกิน 6 ครั้ง โดยมีวันลารวมกันแล้วไม่เกิน 15 วัน และ มาสายไม่เกิน 8 ครั้ง และ มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น อาจผ่อนผันให้เลื่อนเงินเดือนได้

ปฏิบัติงานในสำนักงาน

1. คุณครูที่ ลาไม่เกิน 8 ครั้ง โดยมีวันลารวมกันแล้ว ไม่เกิน 23 วัน และ มาสายไม่เกิน 9 ครั้ง สามารถเลื่อนเงินเดือนได้

2. คุณครูที่ ลาเกิน 8 ครั้ง โดยมีวันลารวมกันแล้วไม่เกิน 15 วัน และ มาสายไม่เกิน 9 ครั้ง  และ มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น อาจผ่อนผันให้เลื่อนเงินเดือนได้

อย่างไรก็ตามในกฎ ก.ค.ศ. ข้อที่ 19 ก็ยังมีการเปิดโอกาสให้สามารถเลื่อนเงินเดือนได้เป็นกรณีพิเศษ โดย เสนอผ่าน กศจ. (ร้อยละ2) หรือ เสนอไปยัง กคศ. เพื่อพิจารณาเป็นรายกรณี

หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มาก็ก็น้อย ท่านใดมีคำถามหรือข้อสงสัย สามาถฝากคำถามได้ที่ เพจครูอัพเดตดอทคอม

อ้างอิงข้อมูลจาก : กฎ ก.ค.ศ. การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561 และ หนังสือ สพฐ.

 

วิธีตรวจสอบ วันที่ ขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต

0

สวัสดีค่ะคุณครูทุกท่าน วันนี้ ครูอัพเดตดอทคอม มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในชีวิตราชการการมาฝากคุณครูทุกท่านค่ะ ซึ่งก็คือ เรื่อง วิธีตรวจสอบ วันที่ ขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต โดยคุณครูหลายท่าน อาจยังไม่ทราบว่า มีระบบการตรวจสอบ วันที่ ขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถทำการเช็คได้ตลอดเวลาได้เลยค่ะ

ไปดูวิธีการขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต กันเลยค่ะ
1.คุณครูเข้าเว็บไซต์ ตรวจสอบ วันที่ ขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต  ได้ที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ https://thanundon.soc.go.th/

คุณครูอ่านที่นี่ วิธีตรวจสอบ วันที่ ขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต

เข้าเว็บไซต์

2. คุณครูทำการเลือกที่ เมนู สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ด้านซ้ายมือ ดังภาพค่ะ

คุณครูอ่านที่นี่ วิธีตรวจสอบ วันที่ ขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต

3. คุณครูทำการกรอกข้อมูล ซึ่งประกอบไปด้วย เลขบัตรประจำตัวประชาชน ชื่อ ชื่อสกุล วันเกิด รหัสผ่าน โดยหากเข้าใช้งานระบบครั้งแรกไม่กรอกรหัสผ่านนะคะ และในส่วนของวันเกิดให้คุณครูนำเมาส์ชี้ค้างไว้ที่ปีเกิดระบบจะเลื่อนปีเกิดให้อัตโนมัติ จากนั้นคุณครูจะสามารถเลือกปีเกิดของคุณครูได้ค่ะ เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้ว คุณครูเลือกที่เข้าสู่ระบบเลยค่ะ

คุณครูอ่านที่นี่ วิธีตรวจสอบ วันที่ ขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ต

4. ระบบจะทำการเช็ควันที่ ขอเครื่องราชฯ จากระบบทะเบียนฐานันดร บนอินเตอร์เน็ตให้คุณครูเลยค่ะ

ครูอัพเดตดอทคอม เชื่อว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณครู และมีความสำคัญกับคุณครูเป็นอย่างยิ่งแน่นอนค่ะ ไว้พบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ

คุณครูอ่านที่นี่ แนวปฏิบัติสำหรับการคืน พัสดุที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ

0
แนวปฏิบัติสำหรับการคืน พัสดุที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ ระเบียบการคืนพัสดุ ระเบียบการคืนพัสดุที่ชำรุด ระเบียบการคืนพัสดุที่เสื่อมคุณภาพ
แนวปฏิบัติสำหรับการคืน พัสดุที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ ระเบียบการคืนพัสดุ ระเบียบการคืนพัสดุที่ชำรุด ระเบียบการคืนพัสดุที่เสื่อมคุณภาพ

สวัสดีค่ะคุณครูทุกท่านวันนี้ ครูอัพเดทดอทคอม มี แนวปฏิบัติสำหรับการคืน พัสดุที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ มาฝากคุณครูทุกท่านค่ะ ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติ การคืนพัสดุ ที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ ประกาศโดย คณะกรรมการวินิจฉัย ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง

โดยคุณครูสามารถศึกษาแนวทางการปฏิบัติโดยการดาวน์โหลดไฟล์ ด้านล่างได้เลยค่ะ

แนวปฏิบัติสำหรับการคืน พัสดุที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ ระเบียบการคืนพัสดุ ระเบียบการคืนพัสดุที่ชำรุด ระเบียบการคืนพัสดุที่เสื่อมคุณภาพ
แนวปฏิบัติสำหรับการคืน พัสดุที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ ระเบียบการคืนพัสดุ ระเบียบการคืนพัสดุที่ชำรุด ระเบียบการคืนพัสดุที่เสื่อมคุณภาพ
แนวปฏิบัติสำหรับการคืน พัสดุที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ ระเบียบการคืนพัสดุ ระเบียบการคืนพัสดุที่ชำรุด ระเบียบการคืนพัสดุที่เสื่อมคุณภาพ
แนวปฏิบัติสำหรับการคืน พัสดุที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ ระเบียบการคืนพัสดุ ระเบียบการคืนพัสดุที่ชำรุด ระเบียบการคืนพัสดุที่เสื่อมคุณภาพ
ดาวน์โหลดไฟล์

ครูอัพเดทดอทคอม หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณครูสามารถทราบแนวทาง และปฏิบัติในเรื่องของการคืนพัสดุ ที่ชำรุดหรือเสื่อมคุณภาพ ได้อย่างถูกต้องนะคะ

10 วิธี ใช้ชีวิตคิดบวกในโรงเรียน

0
คิดบวก
คิดบวก

สวัสดีค่ะ พรุ่งนี้หลายๆโรงเรียน เปิดเทอม  ต้อนรับเข้าสู่ภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา  2562 กันแล้ว  เตรียมตัวกันพร้อมรึยังค่ะ  แต่บางโรงเรียนอาจเปิดมาหลายวันแล้ว เทอมที่แล้วเป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ  งานหรือปัญหาจากการทำงานอาจมีอยู่บ้าง  ถ้าเราผ่านปัญหาแต่ละอย่างไปได้  เราจะเก่งขึ้นมาอีกขั้นเลยทีเดียว  ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของคุณครูด้วย  ว่าสามารถจัดการกับความคิดของตนเองอย่างไรให้มีความสุข   

วันนี้  ครูอัพเดตดอทคอม   มีวิธีการคิดบวก  คิดอย่างไรถึงมีความสุขมากฝากคุณครูทุกท่านจ้าาาา…..

คิดบวก
คิดบวก

ถ้าเกิดมีปัญหา  หรือกลุ้มใจ  ลองนำวิธีต่างๆไปประยุกต์ใช้ดูนะคะ  บางคนอาจได้ผล  บางคนอาจไม่ได้ผล  ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละคน  หรือครูคนไหนมีวิธีที่ใช้ได้ผลก็นำมาแชร์กันได้ค่ะ  อยากเห็นคุณครูทุกท่านมีความสุข  ไม่เครียดกับงานนะคะ  คิดบวกเข้าไว้ค่ะ  สู้ๆ

บทความโดย  ครูอัพเดตดอทคอม

บุตร ที่มีสิทธิ์ เบิก เงินการศึกษาบุตร ตาม  พระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับ การศึกษาของบุตร พ.ศ. 2562

บุตร ที่มีสิทธิ์ เบิก เงินการศึกษาบุตร ตาม  พระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับ การศึกษาของบุตร พ.ศ. 2562

สวัสดีครับ  ครูัพเดตดอทคอม  มีเรื่องราวดีๆมาฝากคุณครู  เช่นเคยครับ  เป็นสาระสำคัญตอนหนึ่งใน  ราชกิจจานุเบกษา  พระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2562 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ซึ่งมีรายละเอียด
เกี่ยวกับ  ความหมายของ บุตร  และการนับจำนวนบุตร ของข้าราชการผู้ มีสิทธิ์ ดังต่อไปนี้

บุตร ที่มีสิทธิ์ เบิก เงินการศึกษาบุตร ตาม  พระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับ การศึกษาของบุตร พ.ศ. 2562
บุตร ที่มีสิทธิ์ เบิก เงินการศึกษาบุตร ตาม  พระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับ การศึกษาของบุตร พ.ศ. 2562

 

“บุตร” หมายความว่า บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุครบสามปีแต่ไม่เกินยี่สิบห้าปี ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมและบุตรซึ่งบิดามารดาได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่น

มาตรา ๖ ให้ผู้มีสิทธิมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรได้เพียงคนที่หนึ่ง ถึงคนที่สาม

ผู้มีสิทธิผู้ใดมีบุตรเกินสามคน และต่อมาบุตรคนหนึ่งคนใดในจํานวนสามคนตามวรรคหนึ่งตาย กายพิการจนไม่สามารถเล่าเรียนได้ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถที่มิได้ศึกษา ในสถานศึกษาที่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร วิกลจริต หรือจิตฟันเฟือน ไม่สมประกอบ ก่อนอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษา ของบุตรเพิ่มขึ้นอีกเท่าจํานวนบุตรที่ตาย กายพิการ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ วิกลจริต หรือจิตฟันเฟือนไม่สมประกอบนั้น โดยให้นับบุตรคนที่อยู่ในลําดับถัดไปก่อน

การนับลําดับบุตร ให้นับเรียงตามลําดับการเกิดก่อนหลัง ทั้งนี้ ไม่ว่าเป็นบุตรที่เกิดจาก การสมรสครั้งใด หรืออยู่ในอํานาจปกครองของตนหรือไม่

มาตรา ๗ ผู้มีสิทธิผู้ใดยังไม่มีบุตรหรือมีบุตรที่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษา ของบุตรตามมาตรา ๖ ยังไม่ถึงสามคน ถ้าต่อมามีบุตรแฝดซึ่งทําให้มีจํานวนบุตรเกินสามคน ให้ผู้มีสิทธิ ผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรตามมาตรา ๖ สําหรับบุตรแฝดดังกล่าวทุกคน เมื่อบุตรแฝดดังกล่าวเป็นบุตรที่เกิดจากคู่สมรสในกรณีที่ผู้มีสิทธิเป็นชาย หรือเป็นบุตรของตนเองในกรณี ที่ผู้มีสิทธิเป็นหญิง

ในกรณีที่บุตรคนใดคนหนึ่งของผู้มีสิทธิตามวรรคหนึ่งตาย กายพิการจนไม่สามารถเล่าเรียนได้ หรือเป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถที่มิได้ศึกษาในสถานศึกษาที่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการ เกี่ยวกับการศึกษาของบุตร วิกลจริต หรือจิตฟันเฟือนไม่สมประกอบ ก่อนอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ ให้ลดจํานวนบุตรที่ได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรลงจนกว่าจํานวนบุตรที่ได้รับเงินสวัสดิการ ดังกล่าวเหลือไม่เกินสามคน และหลังจากนั้น ผู้มีสิทธิจึงจะมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษา ของบุตรเพิ่มขึ้นได้ตามมาตรา ๖ วรรคสอง

เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ บทบัญญัติที่อ้างถึงบุตรคนที่หนึ่งถึงคนที่สามของผู้มีสิทธิ ให้หมายความถึงบุตรคนที่หนึ่งถึงคนสุดท้ายของผู้มีสิทธิตามวรรคหนึ่ง

ติดตาม อ่าน พระราชกฤษฎีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. 2562 ฉบับสมบูรณ์ที่ลิ้งก์
https://saraban-law.cgd.go.th/easinetimage/inetdoc?id=show_CGD.A.23327_1_BCS_1_pdf
ที่มา  กรมบัญชีกลาง   กระทรวงการคลัง

 

ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ การพานักเรียน นักศึกษา ไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. 2562 พร้อม แบบขออนุญาต และแบบรายงานผล

0

สวัสดีค่ะคุณครูทุกท่าน วันนี้ครูอัพเดทดอทคอม มีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียน
และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาพ. ศ. 2562 มาฝากคุณครูทุกท่านค่ะ  ซึ่งในช่วงนี้ อาจเป็นช่วงที่คุณครู
พานักเรียนไปทัศนศึกษานอกสถานศึกษา

โดยการ พานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา ตามระเบียบ จำแนกเป็น 3 ประเภทดังนี้ค่ะ
1. การพาไปนอกสถานศึกษาไม่พักแรม
2. การพาไปนอกสถานศึกษาพักแรม
3. การพาไปนอกราชอาณาจักร

ซึ่ง ระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ. ศ. 2562 ประกาศใช้ ณ วันที่ 15 ตุลาคม พ. ศ. 2562

โดยในเอกสาร จะประกอบไปด้วย
แบบคำขออนุญาตผู้บังคับบัญชาพานักเรียนนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา
แบบขออนุญาตผู้ปกครองพานักเรียนนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา
แบบรายงานผลการพานักเรียนนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา

โดยคุณครู สามารถดาวน์โหลดไฟล์ จากลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ

ดาวน์โหลดไฟล์ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียน
และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา
พ. ศ. 2562

ครูอัพเดทดอทคอม หวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้คุณครูพานักเรียน ออกนอกสถานศึกษาได้อย่างถูกต้อง ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานศึกษาพ. ศ. 2562 ค่ะ

ภาษาอังกฤษ CEFR ระดับ B1 ยากง่ายแค่ไหน…

0

ภาษาอังกฤษระดับ B1

หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า การสอบขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ผู้สอบต้องผ่านภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ CEFR ระดับ B1  ครูอัพเดตดอทคอม จึงหาข้อมูลมาฝาก เพื่อให้ว่าที่คุณครูทุกท่านได้ศึกษาและเตรียมสอบจ้าา….

ระดับกลาง (Intermediate) / EF SET ผลคะแนนภาษาอังกฤษ 41 – 50

ภาษาอังกฤษระดับ B1 คือภาษาอังกฤษระดับที่ 3 ตาม กรอบมาตรฐานการประเมินความสามารถทางภาษาจากประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ CEFR (Common European Framework of Reference) การกำหนดระดับของภาษาที่แตกต่างกันได้รับการเขียนขึ้นโดยสภายุโรป โดยทั่วไปเรียกระดับนี้ว่า “ระดับกลาง” และเป็นชื่อระดับอย่างเป็นทางการตามเกณฑ์ CEFR ในระดับนี้จะเป็นนักเรียนมีทักษะดีกว่าพื้นฐานแต่ยังไม่สามารถทำงานหรือศึกษาภาษาอังกฤษได้อย่างเชี่ยวชาญ

การบ่งชี้ว่าภาษาอังกฤษของคุณอยู่ในระดับ B1

วิธีที่ดีที่สุดในการบ่งชี้ว่าภาษาอังกฤษของคุณอยู่ในระดับ B1 คือเข้ารับการทดสอบที่มีมาตรฐานสูง ด้านล่างเป็นรายชื่อแบบทดสอบที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและคะแนนที่เทียบเท่าระดับ B1

ชื่อแบบทดสอบ คะแนนเทียบเท่าระดับ B1
EF SET 41-50
IELTS 4.0-5.0
TOEIC Listening 275-395
TOEIC Reading 275-380
TOEFL 42-71

สิ่งที่สามารถทำได้เมื่อภาษาอังกฤษของคุณอยู่ในระดับ B1

ภาษาอังกฤษระดับ B1 เพียงพอสำหรับการโต้ตอบกับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย การสื่อสารในสถานที่ทำงาน ผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษอยู่ในระดับ B1 จะสามารถอ่านรายงานอย่างง่ายสำหรับหัวข้อที่คุ้นเคยและเขียนอีเมลง่าย ๆ เกี่ยวกับหัวข้อในสายอาชีพของตัวเอง อย่างไรก็ตามระดับ B1 ยังไม่เพียงพอต่อการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ในสถานที่ทำงาน ตามเกณฑ์มาตรฐาน CEFR อย่างเป็นทางการ ผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษอยู่ในระดับ B1 จะสามารถสื่อสารได้ดังต่อไปนี้

  1. สามารถเข้าใจจุดประสงค์หลักของที่คุ้นเคยที่ต้องพบบ่อยครั้งในที่ทำงาน โรงเรียน การเดินทางพักผ่อน เป็นต้น
  2. สามารถรับมือกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นขณะเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ
  3. สามารถสื่อสารโดยเชื่อมโยงหัวข้อที่คุ้นเคยหรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องความสนใจส่วนบุคคล
  4. อธิบายประสบการณ์และเหตุการณ์ ความฝัน ความหวัง ความทะเยอทะยาน และการให้เหตุผลเบื้องต้น รวมทั้งสามารถอธิบายเกี่ยวกับความคิดเห็นและแผนการ

รายละเอียดเกี่ยวกับทักษะภาษาอังกฤษระดับ B1

การกำหนดระดับการสื่อสารอย่างเป็นทางการถูกแยกย่อยออกมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการฝึกสอน การแยกย่อยทักษะอย่างละเอียดนี้สามารถช่วยประเมินระดับทักษะภาษาอังกฤษของคุณ หรือช่วยเหลือครูผู้สอนในการประเมินระดับของนักเรียน ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับ B1 จะสามารถสื่อสารทุกอย่างที่นักเรียน ระดับ A2 สามารถทำได้ และจะมีทักษะเพิ่มเติมตังต่อไปนี้

  • พูดคุยเรื่องส่วนตัว เป้าหมายด้านอาชีพและความฝันในอนาคต
  • เตรียมการสัมภาษณ์งานและสัมภาษณ์งานที่เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญของคุณ
  • พูดเกี่ยวกับพฤติกรรมการชมโทรทัศน์และรายการโปรดของคุณ
  • อธิบายถึงการศึกษาของคุณและแผนฝึกอบรมในอนาคต
  • พูดคุยเกี่ยวกับเพลงโปรด เพลงที่อยู่ในกระแสและการวางแผนเที่ยวกลางคืนเพื่อฟังดนตรีสด
  • พูดเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง การให้และรับคำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพ
  • พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์และการหาคู่ รวมถึงการพบกับผู้คนผ่านสื่อโซเชียล
  • การเข้าร้านอาหาร สั่งอาหาร ร่วมสนทนาในมื้อเย็นอย่างสุภาพและชำระค่าอาหาร
  • สามารถมีส่วนร่วมในการเจรจาที่เกี่ยวกับสายอาชีพ หากมีคนช่วยอธิบายให้เข้าใจในบางประเด็น
  • พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน รายงานการบาดเจ็บ การอธิบายกฎและข้อบังคับ
  • พูดคุยเกี่ยวกับพฤติกรรมที่สุภาพและการตอบสนองอย่างเหมาะสมต่อพฤติกรรมที่ไม่สุภาพ

ทักษะที่พัฒนาจะขึ้นอยู่กับประเภทของหลักสูตรและนักเรียนแต่ละคน โดยนักเรียนสามารถคาดหวังได้ว่าภาษาอังกฤษจะอยู่ที่ระดับ B1 เมื่อผ่านการเรียน 400 ชั่วโมง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก efset 

จากนี้ต่อไป สอบ “ตั๋วครู” ต้องผ่านภาษาอังกฤษระดับ B1

ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู

สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู กับ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

           ดร.วัฒนาพร  ระงับทุกข์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริดา บุรชาติ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ระหว่างสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ณ ห้องประชุมไทยาจารย์ ชั้น 3 อาคาร 2 สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา

          ดร.วัฒนาพร  ระงับทุกข์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทศ.) ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู โดยมีวัตถุประสงค์ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 2 ประการ ประการแรก เพื่อดำเนินการสร้างข้อสอบ และจัดทำคลังข้อสอบสมรรถนะวิชาชีพครู และประการที่ 2 เพื่อดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สำหรับขอบเขตความร่วมมือและหน้าที่ในการดำเนินการ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา มีหน้าที่ความรับผิดชอบสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการสร้างข้อสอบและการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้กับ สทศ. เป็นหน่วยงานหลักด้านวิชาการในการกำหนดนิยามสมรรถนะที่มุ่งวัด วิเคราะห์เนื้อหาและตรวจสอบความตรงของเนื้อหา (job Analysis /Content Validation Surveys) เพื่อยืนยันขอบเขตสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพครูที่ทำการทดสอบ (Technical Competency) กำหนดลักษณะเฉพาะของแบบทดสอบ และกำหนดรูปแบบของแบบทดสอบ (Test Specifications) ส่วน สทศ. มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดำเนินการสร้างข้อสอบ และจัดทำคลังข้อสอบสมรรถนะทางวิชาชีพครู ดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และนำส่งข้อมูลผลคะแนนการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตามที่กำหนด

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 มาตรา 258 จ. (3) กำหนดให้มีกลไกและระบบการผลิต คัดกรอง และพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครูและอาจารย์ให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริง ประกอบกับแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ยุทธศาสตร์ที่ 3 กำหนดให้มีระบบและกลไกการวัด การติดตาม และประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจากนโยบายดังกล่าว สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจึงได้ดำเนินการโครงการระบบการประเมินสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพครู (ระยะที่ 1) โดยคณะอนุกรรมการพัฒนาแนวทางการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ได้จัดทำ (ร่าง) แนวทางการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และ (ร่าง) การกำหนดมวลสาระการทดสอบและประเมินสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพครู โดยร่างดังกล่าวกำหนดให้ระบบการประเมินสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพครู แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1. การทดสอบด้านความรู้ภาคทฤษฎีและความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติงาน และ 2. การประเมินสมรรถนะด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ซึ่งต่อมาคณะกรรมการคุรุสภาได้มีมติเห็นชอบแนวทางดังกล่าว

 

เพื่อให้การดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและบูรณาการข้อมูลร่วมกันในเชิงวิชาการ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่างๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่กระบวนการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูในครั้งนี้ จะเป็นกลไกหนึ่งในการคัดกรองผู้ที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู และผู้ที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงเข้าสู่วิชาชีพครู

สำหรับแนวทางการดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2562 สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จัดทำ Test Blueprint โดยประสานความร่วมมือกับสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในเดือนธันวาคม 2562 – กุมภาพันธ์ 2563สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ สร้างข้อสอบสมรรถนะวิชาชีพครู และคาดว่าในเดือนพฤษภาคม 2563 จะสามารถจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริดา บุรชาติ ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ขอขอบคุณสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ที่ให้ความไว้วางใจ สทศ. ในการเป็นหน่วยงานกลางจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู เพื่อให้การดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูนั้น สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ

ในการดำเนินการจัดการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สทศ. จะดำเนินการตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่กำหนดในบันทึกข้อตกลง คือ ดำเนินการสร้างข้อสอบ และจัดทำคลังข้อสอบ ดำเนินการจัดการทดสอบ นำส่งข้อมูลผลคะแนนการทดสอบ และสนับสนุน และร่วมดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ โดยการดำเนินการจัดการทดสอบจะเป็นไปตามมาตรฐานการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติของ สทศ. ทั้ง 5 ด้านคือ มาตรฐานการบริหารการทดสอบ มาตรฐานบุคลากรด้านการทดสอบ มาตรฐานการพัฒนาแบบทดสอบ มาตรฐานการพิมพ์ การรับ/ส่ง การตรวจ และการประมวลผล และมาตรฐานการรายงานผลและการนำไปไปใช้

ทั้งนี้ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) มีความพร้อมทั้งการสร้างข้อสอบ และการบริหารจัดการทดสอบ เพื่อให้การดำเนินงานในความร่วมมือการดำเนินการจัดการทดสอบ เพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพครูนี้ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และความยั่งยืนร่วมกัน

ขอบคุณที่มาข่าวจาก คุรุสภา

12 งานที่ครูต้องเจอ นอกเหนือจากงานสอน…

0

12 งานที่ครูต้องเจอ นอกเหนือจากงานสอน งานอื่นๆของครู

ความหมายของครู ตาม พ.ร.บ. คือ ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ

ซึ่ง การส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ นอกจากเทคนิคการสอนต่างๆแล้ว อาจจะเป็นงานอื่นๆที่ครูเราต้องรับผิดชอบนั่นเอง (ตามความเข้าใจของผู้เขียน ) มองบวกนะจ๊ะ

บทความนี้อาจจะเหมาะสำหรับครูผู้ช่วยคนใหม่ทุกท่านที่เพิ่งจะมาปฏิบัติงานในโรงเรียน บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเมื่อเข้ามาในโรงเรียนแล้วต้องทำอะไรบ้าง  เรามาเรียนรู้งานอื่นๆที่นอกเหนือจากงานสอนในโรงเรียนกัน  ง เอาแบบคราวๆนะคะ

1.เจ้าหน้าที่การเงิน  มีหน้าที่จัดการเกี่ยวกับการเงินในโรงเรียน ดูแลบัญชีการเงิน ทำทะเบียนการเบิกจ่ายเงินต่างๆ

2.เจ้าหน้าที่พัสดุ  จัดทำเอกสาร การจัดซื้อจัดจ้างในโรงเรียน  กรอกระบบ เขียนเลขทะเบียนพัสดุต่างๆ

3.งานวิชาการ  การประเมินประกันภายใน ภายนอกโรงเรียน ยิ่งถ้ามี สมศ.เข้าแล้ว ไม่ได้หลับได้นอนกันเลยทีเดียว

4.ครูอาหารกลางวัน ดูแลเกี่ยวกับเรื่องอาหารกลางวันของนักเรียน เมนูอาหาร การซื้อวัตถุดิบต่างๆ

5.ครูอนามัยโรงเรียน ดูแลเรื่องสุขภาพอนามัยของเด็กนักเรียน โดยทำงานร่วมกับโรงพบาบาล หรืออนามัยต่างๆ จัดทำข้อมูลน้ำหนักส่วนสูง

6.ครูห้องสมุด (บรรณารักษ์) ดูแลห้องสมุด จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ทะเบียนหนังสือ

7.นายทะเบียน (งานทะเบียน-สัมมะโนประชากร)  จัดทำ แบบปพ.ต่างๆ จัดการข้อมูลนักเรียนห้เป็นปัจจุบัน และมีการทำสัมมะโนประชากรข้อมูลเกี่ยวกับเด็กที่อายุย่างเข้าตามเกณฑ์ที่จะรับนักเรียนเข้าเรียนในเขตพื้นที่บริการ

8.กรอกข้อมูลนักเรียนและครูระบบต่างๆ ทำหน้าที่แทนธุรการในวันที่ธุรการลา ส่วนมากจะเป็นครูคอมพิวเตอร์ดูแล หรือไม่ก็เป็นคุณครูที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็น ถ้าไม่เป็นก็ต้องไปอบรมนะคะ

9.งานสถานที่ จัดซุ้ม เวที พิธีกร  ถ้าเป็นโรงเรียนใหญ่ๆ อาจจะมีฝ่ายสถานที่โดยเฉพาะ แต่ถ้าโรงเรียนเล็กหน่อย ก็จะได้ช่วยกันทุกคนในโรงเรียนเวลามีกิจกรรม

10.ไปส่งงานที่เขตในบางครั้ง  เอกสารบางอย่างเขตต้องให้ส่งเป็นกระดาษ อาจจะต้องเดินทางไปส่งเอง ค่าน้ำมันได้บ้างไม่ได้บ้าง อุทิตตนคนเป็นครูจ้า

11.เข้าร่วมอบรมต่างๆ การอบรมช่วยให้คุณครูกระตุ้นความรู้ความคิดตลอดเวลา อบรมทุกวันนี้มีนโยบายให้อบรม เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุด เพื่อไม่ให้เบียบเบียนเวลาเรียนของนักเรียน

12.อยู่เวรยาม  ทุกคนต้องได้อยู่เวร ไม่ว่าจะเป็นวันปกติ หรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ อาจจะเดือนละครั้ง สองครั้งแล้ว หรือทุกวัน-ทั้งเดือน ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนครูในโรงเรียน ครูผู้ชายจะต้องได้นอนเวรกลางคืนด้วย

ทั้งนี้หน้าที่ต่างๆ ถ้าเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่มีครูครบอาจจะได้ทำคนละ 1 อย่าง แต่ถ้าเป็นโรงเรียนเล็กๆที่ครูมีน้อย อาจจะได้รับผิดชอบหลายอย่างๆ ยังไงก็สู้ๆนะคะ รักและสนุกกับงานที่ทำจ้าาาาา

บทความโดย  ครูอัพเดตดอทคอม

ติดตามครูอัพเดตดอทคอมได้ที่ facebook >> เพจครูอัพเดตดอทคอม

ดาวน์โหลดที่นี่ หน้าปกเอกสารชั้นเรียน และไฟล์เอกสาร มากกว่า 50 ไฟล์ ใช้อ้างอิงตัวชี้วัดของ ว.21 ได้

0

สวัสดีค่ะคุณครูทุกท่าน วันนี้ ครูอัพเดทดอทคอม มีหน้าปกเอกสารชั้นเรียนมาฝากคุณครูทุกท่านค่ะ ซึ่งหน้าปกเอกสาร ชั้นเรียนที่ ครูอัพเดทดอทคอม จัดทำขึ้นได้จัดทำในรูปแบบของไฟล์ Powerpoint  คุณครูสามารถดาวน์โหลดและแก้ไขได้ ง่ายๆ โดย ครูอัพเดตดอทคอม มีวิธีการบันทึกหน้าปก เป็นรูปภาพ ให้คุณครู ด้วยนะคะ

ซึ่งหน้าปก เอกสารชั้นเรียนที่ ครูอัพเดตดอทคอม ได้จัดทำขึ้นให้คุณครู ประกอบไปด้วย หน้าปกดังต่อไปนี้ค่ะ

1. หน้าปกการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล
2 หน้าปกตารางความก้าวหน้าของผู้เรียน
3.หน้าปกทะเบียนการอบรมนักเรียน
4.หน้าปกทะเบียนการมาเรียนแต่เช้าเป็นรายสัปดาห์
5. หน้าปกทะเบียนนักเรียนดีเด่น
6.หน้าปกทะเบียนผลิตสื่ออุปกรณ์เทคโนโลยี
7.หน้าปกทะเบียนแหล่งเรียนรู้
8.หน้าปกบันทึกการตรวจสุขภาพนักเรียน
9.หน้าปกบันทึกการทำความดี
10.หน้าปกบันทึกการแนะแนวนักเรียนเป็นรายกรณี
11.หน้าปกบันทึกการพานักเรียนศึกษานอกสถานที่
12.หน้าปกบันทึกการสอนซ่อมเสริม
13.หน้าปกบันทึกการสอนแทน
14.หน้าปกบันทึกเวรประจําวันของนักเรียน
15.หน้าปกบันทึกการเยี่ยมบ้าน
16.หน้าปกบันทึกการแปรงฟัน
17.หน้าปกบันทึกน้ำหนักส่วนสูง

ซึ่งนอกจาก จะมีหน้าปกมาแจกคุณครูแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ค่ะ ครูอัพเดตดอทคอม ยังมีไฟล์เอกสารที่เกี่ยวกับชั้นเรียน ตามหน้าปกข้างต้น และไฟล์เอกสารธุรการอื่นๆที่เกี่ยวกับชั้นเรียนมาฝากคุณครูด้วยค่ะ ซึ่งไฟล์ที่นำมาฝากคุณครูในวันนี้ มีมากกว่า 50 แบบบันทึกเลยค่ะ และเอกสารบริหารจัดการชั้นเรียน ที่ครูอัพเดทดอทคอมนำมาฝากคุณครูนั้นยังสามารถใช้อ้างอิงเป็นเอกสารร่องรอยหลักฐานในการประเมินวิทยฐานะตามเกณฑ์ว 21 โดยประกอบไปด้วย ตัวชี้วัดที่ 9 ข้อ 2.1 การบริหารจัดการชั้นเรียน
ตัวชี้วัดที่ 10 ข้อ 1.2.2 การจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ตัวชี้วัดที่ 11 ข้อ 2.3 การจัดทำข้อมูลสารสนเทศเอกสารประจำชั้นเรียน เอกสารประจำวิชา ตัวชี้วัดที่ 3 ข้อที่ 1.2.2 การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ และ
ตัวชี้วัดที่ 6 ข้อที่ 1.3 การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้

ครูอัพเดตดอทคอม เชื่อแน่ๆว่าจะเป็นประโยชน์กับการจัดการชั้นเรียน ช่วยให้คุณครู สามารถ จัดการเอกสารในชั้นเรียนได้ดีมากยิ่งขึ้นแน่นอนค่ะ โดยคุณครูสามารถดาวน์โหลดปก เอกสารจัดการชั้นเรียนที่ได้กล่าวมาในลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ

ดาวน์โหลดไฟล์หน้าปกเอกสารชั้นเรียน

และสามารถดาวน์โหลด เอกสาร บริหารจัดการชั้นเรียน แบบบันทึกต่างๆมากกว่า 50 แบบได้ในลิงค์ด้านล่างเลยค่ะ

ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารชั้นเรียนมากกว่า 50 ไฟล์

โดยเมื่อคุณครูดาวน์โหลดหน้าปกเอกสารแล้ว สามารถอ่านวิธีการ แก้ไขและ บันทึกหน้าปกจากไฟล์ powerpoint เป็นรูปภาพ โดยคลิกที่ลิงค์นี้เลยค่ะ วิธีการบันทึกไฟล์ PowerPoint เป็นรูปภาพ

ครูอัพเดตดอทคอม ต้องขอขอบคุณผู้จัดทำเผยแพร่เอกสารประจำชั้นเรียน เพื่อแบ่งปันให้กับคุณครู ในครั้งนี้ด้วยนะคะ ไว้พบกันใหม่คราวหน้ากับบทความต่อไปนะคะ