แบบบันทึกการอยู่ค่ายพักแรมลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ไฟล์ Word แก้ไขได้

ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ๋

คุณครูสามารถแก้ไขกิจกรรมต่างๆให้ตรงกับบริบทของโรงเรียนหรือกิจกรรมที่โรงเรียนจัดขึ้นก็ได้นะคะ

ประวัติการลูกเสือโลก เกิดขึ้นแห่งแรกของโลกโดย ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Lord Baden Powell) ในประเทศอังกฤษเมื่อปีพ.ศ. 2450 จากการรบกับพวกบัวร์ (Boar) ในการรักษาเมืองมาฟอีคิง(Mafeking) ที่แอฟริกาใต้ในปี พ.ศ. 2442 ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ได้ตั้งกองทหารเด็กช่วยสอดแนมการรบจนรบชนะข้าศึก เมื่อกลับไปยังประเทศอังกฤษในปี พ.ศ. 2450 จึงได้ทดลองนำเด็กชาย 20 คนไปฝึกทหารอยู่ค่ายพักแรมที่เกาะบราวน์ซี ปี พ.ศ. 2451 ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ จึงได้ตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศอังกฤษ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมคนไว้เป็นทหารและฝึกให้คนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม ท่านลอร์ด เบเดน โพเอลล์ จึงได้แต่งหนังสือฝึกอบรมลูกเสือขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน โดยหนังสือเล่มดังกล่าวมีชื่อว่า Scouting for Boys และคำว่า Scout ซึ่งใช้เรียกแทนลูกเสือมีความหมายตามตัวอักษรคือ

S : Sincerity หมายถึง ความจริงใจ มีน้ำใสใจจริงต่อกัน
C : Courtesy หมายถึง ความสุภาพอ่อนโยน เป็นผู้มีมารยาทดี
O : Obedience หมายถึง การเชื่อฟังอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ในโอวาท
U : Unity หมายถึง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รู้รักสามัคคี
T : Thrifty หมายถึง ความมัธยัสถ์ ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด

          การจัดตั้งลูกเสือในประเทศไทย ถือกำเนิดเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทราบเรื่องของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Lord Baden Powell) ในประเทศอังกฤษ เมื่อพระองค์เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทยได้ทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกหัดให้ข้าราชการและพลเรือนได้เรียนรู้วิชาทหารเพื่อเป็นคุณประโยชน์ต่อบ้านเมือง รู้จักระเบียบวินัยมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ต่อมาใน พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ดังนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 จึงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งลูกเสือขึ้นในประเทศไทยนับเป็นประเทศที่สามของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา โดยทรงมีพระราชปรารภว่า เห็นควรที่จะมีการฝึกเด็กชายประถมวัยให้มีความรู้ทางเสือป่าด้วย เมื่อเติบโตขึ้นจะได้รู้จักหน้าที่และประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ลูกเสือกองแรกของไทย ตั้งขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง โรงเรียนวชิราวุธในปัจจุบัน และได้จัดตั้งกองลูกเสือตามโรงเรียนต่างๆ ให้กำหนดข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือขึ้นรวมทั้งพระราชทานคำขวัญให้ลูกเสือว่า เสียชีพอย่าเสียสัตย์ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นลูกเสือไทยคนแรก คือนายชัพน์ บุนนาค ในสมัยนั้นกิจการลูกเสือไทยเลื่องลือไปยังนานาชาติ ส่งผลให้กองลูกเสือที่ 8 ของประเทศอังกฤษ ได้มีหนังสือขอพระราชทานนามลูกเสือกองนี้ว่า กองลูกเสือในพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานให้ตามความประสงค์ ลูกเสือกองนี้ติดเครื่องหมายช้างเผือกที่แขนเสื้อทั้ง 2 ข้างและยังปรากฏอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้

 

สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Word ได้ที่นี่คลิกเลย

ผลงานโดย  ครูอัพเดตดอทคอม

เปิด 10 พฤติกรรม  ที่ คุณครูไม่ควรทำ เป็นอย่างยิ่ง  เพราะ เพื่อนร่วมงาน จะไม่อยากเข้าใกล้ !!

เปิด 10 พฤติกรรม  ที่ คุณครูไม่ควรทำ เป็นอย่างยิ่ง
เพราะ เพื่อนร่วมงาน จะไม่อยากเข้าใกล้ !!

 

 

 

1.พูดจาดูหมิ่นเยียดหยามเพื่อนร่วมงาน
คนเราเกิดมามีทุนชีวิตที่ไม่เท่ากัน   ครูบางคนฐานะดี  ครูบางคนมาจากครอบครัวที่ยากจน  การยกตนข่มท่าน
อวดอ้างทรัพย์สิน  ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำครับ  อีกประการคือ  การแบ่งชนชั้น  ในโรงเรียน  ข้าราชการครู  กดขี่ ครูอัตราจ้าง  ก็ไม่ควรทำครับ  เพราะอย่างไรก็ตามเราก็อยู่ในวิชาชีพเดียวกัน  ต้องรักกันครับ

2.ก้าวก่ายงานคนอื่นโดยที่ไม่ได้สอบถามเจ้าตัวก่อน
ส่วนมากข้อนี้จะเป็นเรื่องของการจัดกิจกรรมในโรงเรียน  เช่น  ครูท่านหนึ่งที่เป็นครูบรรจุใหม่ได้รับมอบให้เป็นพิธีกร
ในการเปิดกีฬาสี  ก็ได้เตรียมตัวเป็นอย่างดี  แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับถูกครูที่อยู่มานานกว่า เขียนสคลิปมาให้แล้วบอกให้ทำตามที่พี่บอกเท่านั้น  ซึ่งเป็นการก้าวก่ายหน้าที่แบบกระทันหันครับ

 

3.พูดจาลับหลังนินทาเพื่อนร่วมงาน
ครูบางคนชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น   ชอบติ  ไม่ชอบก่อ  ผอ.มอบหมายงานให้ทำบอกว่าไม่ถนัด  แต่พอคนอื่นรับไปทำ กลับคอยแอบนินทาว่าหากเป็นตนเอง คงทำได้ดีกว่า  เป็นต้น

 

4.หวงลูกศิษย์ของตนเองไว้คนเดียว
ในทุกปีที่มีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน  การแย่งตัวนักเรียนที่มีความสามารถก็เกิดขึ้นตามมา  เพราะนักเรียนบางคนมีความสามารถหลายด้าน  ครูบางคนถึงกับยอมผิดใจกับเพื่อนร่วมงานเลยทีเดียว เพราะเรื่องนี้

 

5.ยุยงให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆผิดใจกัน
คำว่า ” นกสองหัว ” คงเข้ากันได้ดีกับข้อนี้  เพราะการที่เอาความลับหรือข้อมูล ของครูอีกคนไปเล่าให้อีกคนฟังนั้น
โดยเฉพาะเรื่องเงินทอง  หากมีการยืมเงินกันแล้วไม่คืน คนกลางที่ไกล่เกลี่ยให้ไปเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเรื่องแน่ครับ

 

6.ชอบเอาเปรียบครูท่านอื่นๆด้วยการทิ้งงานของตนให้คนอื่น โดยมีข้ออ้างสารพัด
โดยส่วนมากที่เคยพบเห็น  ก็จะเป็นเรื่องราวของคุณครูอาวุโส  อ้างสุขภาพ  มาสายอ้างภาระทางบ้าน  โดยที่มักใช้ให้ครูหนุ่มสาวทำงานให้  ครูบางท่าน โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ  แถมในรอบการประเมินขั้นเงินเดือน  ก็มักจะขอให้ตนได้เพราะ อ้างว่าใกล้เกษียนณแล้ว

 

7.ชอบอ้างชื่อคนอื่นเพื่อทำสิ่งที่ตนเองต้องการโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องด้วย
ข้อนี่มักเป็นเรื่องส่วนตัวส่วนมาก  บางครั้งบอกว่าทำนั้นนี่ให้หน่อย  ครูคนนั้นฝากมา   รวมไปถึงถ้าหนักหน่อย
ก็แอบเอาชื่อไปยืมเงินกับครูด้วยกัน  เช่น ครู C บอกว่าช่วยออกค่างวดรถให้ครู A  จนตนเดือดร้อน  เลยขอยืมเงินจากครู B  อีกต่อ

 

8.เวลา ผอ. อยู่ทำงานเต็มที่ เวลา ผอ. ไม่อยู่ลาบ้าง หนีบ้าง
สำนวนที่ว่า ” แมวไม่อยู่หนูร่าเริง ”  คงใช้ได้ดี เพราะในวันที่ ผอ.อยู่โรงเรียนตั้งใจสอนมาก  มาแต่เช้า  กลับค่ำ
แต่พอวันที่ ผอ.ไม่มาโรงเรียนไปราชการ  ครูบางคนมาสายมาก  เข้าสอนช้า  รวมไปถึง  บอกครูในโรงเรียนว่ามีธุระ
โน่นนี่นั่น  มากมายต้องรีบกลับบ้านก่อนเวลา

9.กินเวลาคาบสอนของครูท่านอื่น
ในโรงเรียนที่มีการบริหารจัดการตารางสอน แบบสอนเวียน  คงเคยประสบปัญหานี้แน่นอน  บางครั้งหากจำเป็นต้องเลยเวลาเนื่องจากเป็นกิจกรรมการเรียนการสอน  ที่ต่อเนื่อง คงไม่ว่ากัน  แต่ถ้าเป็นประจำล่ะก็ เชื่อว่าครูที่สอนคาบ
ต่อไปไม่พอใจแน่นอนครับ

 

10.นินทาครูท่านอื่นให้นักเรียนฟัง
การนินทาครูด้วยกันให้นักเรียนฟังนั้น  บางครั้งจะนผลร้ายมาอย่างมากมาย เพราะนักเรียนอาจไปเล่าสิ่งที่ได้ยินมาให้
ครูท่านนั้นฟัง และหากมีการแปลงสารด้วยก็ยิ่งแย่ไปใหญ่เลยครับ

 

เขียนโดย  ครูอัพเดตดอทคอม  

ครูผู้ช่วย ลาคลอดบุตร ได้หรือไม่ อย่างไร?

ครูผู้ช่วย ลาคลอดบุตร ได้หรือไม่ อย่างไร?

 

สวัสดีครับ  ครูอัพเดตดอทคอม  มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาฝากครับ  จากที่ในช่วงนี้มีข่าวการเรียกบรรจุ  ครูผู้ช่วย อยู่เป็นระยะ  และได้มีครูผู้ช่วย ท่านหนึ่ง  ถามข้อมูลกับครูอัพเดตดอทคอม  มาทางไลน์  ว่า  ” ตนเองบรรจุรับราชการครู ตำแหน่ง  ครูผู้ช่วย  มาแล้ว  1 ปี  3 เดือน   และมีกำหนดคลอดในอีก  1 เดือนข้างหน้า   เลยสงสัยว่าจะขอ ลาคลอดบุตร ได้หรือไม่ “  ทางแอดมิน ขอตอบผ่านทาง  เว็บไซต์ดังนี้ครับ

ตาม สิ่งที่แนบมาด้วย  กับ หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.7/ว 19 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2561 – หลักเกณฑ์และวิธีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย  ระบุไว้ดังนี้ครับ

 

 

ครูผู้ช่วย ลาคลอดบุตร ได้หรือไม่ อย่างไร?
ครูผู้ช่วย ลาคลอดบุตร ได้หรือไม่ อย่างไร?

 

สรุปว่า  ลาคลอดบุตร ได้นะครับ   แต่ระยะเวลา ในการลานั้นจะนับวันลา รวมกับวันลาป่วย ที่จำเป็นต้องรักษาตัวเป็นเวลานานด้วย   คือรวมตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่มีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม  ต้องไม่เกิน 90 วัน  ถ้าเกินก็ต้องเพิ่มวันในการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ขึ้นตามวันที่ เกิน ครับ  เช่น  หากที่ผ่านมา  ลาป่วยไปแล้ว  รวม 30  วัน  จะสามารถ  ลาคลอดบุตร  ได้ไม่เกิน  60 วัน

 

อ้างอิงจาก
1. สำนักงาน  ก.ค.ศ.
2. หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.7/ว 19 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2561 – หลักเกณฑ์และวิธีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย

7 เคล็ดไม่ลับ !!  ผอ. ใช้ใน การประเมินผลการปฏิบัติงาน ของ ครู  ที่ทำให้ครูเครียดน้อยลง

0

7 เคล็ดไม่ลับ !! ผอ. ใช้ใน การประเมินผลการปฏิบัติงาน ของ ครู  ที่ทำให้ครูเครียดน้อยลง

 

7 เคล็ดไม่ลับ !!  ผอ. ใช้ใน การประเมินผลการปฏิบัติงาน ของ ครู  ที่ทำให้ครูเครียดน้อยลง
7 เคล็ดไม่ลับ !!  ผอ. ใช้ใน การประเมินผลการปฏิบัติงาน ของ ครู  ที่ทำให้ครูเครียดน้อยลง (ภาพจาก Freepik)

1.เข้าใจเครื่องมือประเมินที่ใช้
แม้ว่าในการประเมินจะมีกรอบ และแนวทางที่ชัดเจนอยู่ทุกด้านแล้ว แต่ผู้บริหารควรทำความเข้าใจ วิธีนำผลการประเมิน มาต่อยอดให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เมื่อได้รับข้อมูลจากกระบวนการประเมินแล้ว จงนำข้อมูลนั้น ๆ มาทำแผนปฏิบัติงานให้แก่ครูเพื่อช่วยให้ครูได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น

 

2. นัดแนะเตรียมตัวกับครูก่อน
ก่อนจะเข้าห้องเรียนไปทำการสังเกตและประเมินผลปฏิบัติงาน ผู้บริหารควรมีโอกาสคุยกับครูเกี่ยวกับบทเรียน
ที่จะเข้าไปดูการเรียนการสอน และเล่าให้ครูฟังว่า ผู้ประเมินหวังจะได้เห็นอะไรบ้างในห้องเรียน ควรถามเพิ่มด้วยว่าอยากให้สังเกตจุดไหนเป็นพิเศษหรือไม่

 

3. แวะดูห้องเรียนตั้งแต่ต้นปีการศึกษาและแวะดูบ่อย ๆ
การได้แวะบ่อยๆ ผู้บริหารมีโอกาสเห็นจุดอ่อน และจุดแข็งของการจัดการเรียนการสอนและบริหารห้องเรียน
รวมถึงช่วยเปิดโอกาสให้ครูได้ปรับปรุงพัฒนาตัวเองก่อนหน้าการถูกประเมิน เปลี่ยนช่วงเวลาที่ครูรู้สึกว่าโดนจับผิด เป็นช่วงเวลาที่ครูมีโอกาสแสดงศักยภาพเต็มที่ เพราะได้รับการบอกกล่าวแก้ไขไปแล้ว และการแวะดูบ่อยๆจะช่วยสร้างความคุ้นเคยทั้งกับครู  และนักเรียน ด้วยครับ

 

4. สังเกตทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ครู 
การประเมินหลายๆครั้ง ตลอดคาบเรียน ผู้บริหารมักจะจดจ่ออยู่แค่เฉพาะสิ่งที่ครูทำเพื่อประเมินผล เพราะระบบประเมินที่จัดทำโดยภาครัฐแนะนำให้ทำเช่นนี้ แต่ครู ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นตรงกันว่าผู้บริหารน่าจะสังเกตนักเรียน สนใจบรรยากาศการเรียนการสอนมากกว่า อาทิเช่น ครูให้นักเรียนทำอะไร เด็ก ๆ กำลังทำอะไร และพวกเขาถามคำถามอะไรในห้องเรียน
5. แจ้งข้อมูลจากการประเมินให้ครูทราบทันที
การแจ้งคำติชมอย่างรวดเร็วเป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญในการช่วยให้ครูได้รับประโยชน์จากกระบวนการประเมินผลอย่างเต็มที่ การส่งบันทึกการประเมินผลให้ครูดูภายใน 24 ชั่วโมง และเน้นเขียนบันทึกในแนวทางเปิดประเด็นเพื่อการพูดคุยมากกว่าการแสดงความคิดเห็นแบบปลายปิด โดยอาจเรียก “ข้อสังเกตและข้อสงสัย” โดยข้อสังเกตมักมากับคำชมเพราะจะระบุว่าเขาสังเกตเห็นสิ่งใดบ้างที่เป็นไปด้วยดีในห้องเรียน ส่วนข้อสงสัยมักจะมาในรูปแบบของคำถามสัก 2-3 ข้อ โดยข้อสงสัยนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้ แต่เป็นสิ่งที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ผู้บริหารไม่ควรตั้งข้อสมมติฐานใดขึ้นมาเอง

 

6. เปิดโอกาสให้ครูแสดงความคิดเห็น
ผู้บริหารต้องทำให้ครูรู้สึกว่าการประเมินผลงานเป็นการสื่อสารสองทาง และดำเนินงานต่อเนื่อง ถึงแม้บทบาทของผู้บริหาร ควรเปิดเผยและตรงไปตรงมา แต่ผู้บริหารก็ไม่ควรจดรายละเอียดยิบย่อยว่าครูทำอะไรผิดบ้าง ทั้งนี้ ครูควรได้รับโอกาสในการพิจารณาการสอนของตัวเอง รวมถึงแจ้งบริบทตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ในส่วนที่ผู้ประเมินอาจไม่ทราบ อาทิ มีการเตรียมตัวอะไรมาบ้างแล้วในคาบเรียนที่แล้ว หรือมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากผู้บริหารออกจากห้องเรียนไป

7. ให้โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา
การส่งผลการประเมินควรอยู่บนรากฐานของความตั้งใจดี  อยากให้ครูได้รับทักษะใหม่ ได้ปรับตัว และได้ซึมซับสิ่งที่จะช่วยให้พวกได้เรียนรู้และพัฒนาต่อไป การบอกให้ครูต้องไปทำโน่น  นั้น  นี่  แล้วปล่อยให้ครูไปทำเอง แตกต่างจากการบอกครู  แล้วเข้าไปช่วยให้ครูพัฒนาด้วยการชี้แนะเพิ่มเติม หรือพาครูไปดูห้องเรียนตัวอย่าง เป็นต้น
ครูอัพเดตดอทคอม   หวังว่าสิ่งที่นำมาฝากในวันนี้   จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับทุกๆท่านนะครับ

 

อ้างอิงจาก
https://www.educathai.com/knowledge/articles  สืบค้น  9 กุมภาพันธ์ 2563

แบบบันทึกลูกเสือสามัญ การอยู่ค่ายพักแรม ลูกเสือสามัญ ไฟล์ Word แก้ไขได้

ลูกเสือสามัญ

คุณครูสามารถแก้ไข ปรับให้ตรงกับบริบทของโรงเรียนและกิจกรรมของแต่ละโรงเรียนได้นะคะ

ประวัติการลูกเสือโลก เกิดขึ้นแห่งแรกของโลกโดย ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Lord Baden Powell) ในประเทศอังกฤษเมื่อปีพ.ศ. 2450 จากการรบกับพวกบัวร์ (Boar) ในการรักษาเมืองมาฟอีคิง(Mafeking) ที่แอฟริกาใต้ในปี พ.ศ. 2442 ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ได้ตั้งกองทหารเด็กช่วยสอดแนมการรบจนรบชนะข้าศึก เมื่อกลับไปยังประเทศอังกฤษในปี พ.ศ. 2450 จึงได้ทดลองนำเด็กชาย 20 คนไปฝึกทหารอยู่ค่ายพักแรมที่เกาะบราวน์ซี ปี พ.ศ. 2451 ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ จึงได้ตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศอังกฤษ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมคนไว้เป็นทหารและฝึกให้คนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม ท่านลอร์ด เบเดน โพเอลล์ จึงได้แต่งหนังสือฝึกอบรมลูกเสือขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน โดยหนังสือเล่มดังกล่าวมีชื่อว่า Scouting for Boys และคำว่า Scout ซึ่งใช้เรียกแทนลูกเสือมีความหมายตามตัวอักษรคือ

S : Sincerity หมายถึง ความจริงใจ มีน้ำใสใจจริงต่อกัน
C : Courtesy หมายถึง ความสุภาพอ่อนโยน เป็นผู้มีมารยาทดี
O : Obedience หมายถึง การเชื่อฟังอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ในโอวาท
U : Unity หมายถึง ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รู้รักสามัคคี
T : Thrifty หมายถึง ความมัธยัสถ์ ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด

          การจัดตั้งลูกเสือในประเทศไทย ถือกำเนิดเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทราบเรื่องของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Lord Baden Powell) ในประเทศอังกฤษ เมื่อพระองค์เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทยได้ทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกหัดให้ข้าราชการและพลเรือนได้เรียนรู้วิชาทหารเพื่อเป็นคุณประโยชน์ต่อบ้านเมือง รู้จักระเบียบวินัยมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ต่อมาใน พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ดังนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 จึงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งลูกเสือขึ้นในประเทศไทยนับเป็นประเทศที่สามของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา โดยทรงมีพระราชปรารภว่า เห็นควรที่จะมีการฝึกเด็กชายประถมวัยให้มีความรู้ทางเสือป่าด้วย เมื่อเติบโตขึ้นจะได้รู้จักหน้าที่และประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ลูกเสือกองแรกของไทย ตั้งขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง โรงเรียนวชิราวุธในปัจจุบัน และได้จัดตั้งกองลูกเสือตามโรงเรียนต่างๆ ให้กำหนดข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือขึ้นรวมทั้งพระราชทานคำขวัญให้ลูกเสือว่า เสียชีพอย่าเสียสัตย์ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นลูกเสือไทยคนแรก คือนายชัพน์ บุนนาค ในสมัยนั้นกิจการลูกเสือไทยเลื่องลือไปยังนานาชาติ ส่งผลให้กองลูกเสือที่ 8 ของประเทศอังกฤษ ได้มีหนังสือขอพระราชทานนามลูกเสือกองนี้ว่า กองลูกเสือในพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานให้ตามความประสงค์ ลูกเสือกองนี้ติดเครื่องหมายช้างเผือกที่แขนเสื้อทั้ง 2 ข้างและยังปรากฏอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้

 

สามารถดาวน์โหลดเอกสารไฟล์ Word ได้ที่นี่ คลิกเลย

ผลงานโดย  ครูอพัเดตดอทคอม

แนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปี 2563

0
สวัสดีครับวันนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับแนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปี 2563 โดยผู้สนใจสามารถศึกษาได้จากเอกสาร ของสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. ซึ่งในปีนี้สพฐ.ได้แจ้งแนวทางเพิ่มเติม 3 ข้อ ดังนี้

1. การอนุญาตให้ใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีใบอนุญาตครบ5ปีต่อไปอีก ดังรายละเอียด

2. การอนุโลมให้ซื้อหนังสือรายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ

3. การอนุโลมให้ซื้อหนังสือรายวิชาพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สำหรับรายละเอียดแนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปี 2563 สพฐ.ยังไม่เผยแพร่หนังสืออย่างเป็นทางการออกมาถ้ามีรายละเอียดอย่างไรครูอัพเดตจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ

คลิกเพื่อดาวน์โหลดแนวทางการจัดซื้อฯ  (ยังเป็นข้อมูลเดิม ปี 2562 นะครับ) 

ขอบคุณที่มาจาก : สพฐ.

 

แชร์วิธีการ ตั้งค่าระยะห่างแถวรายชื่อนักเรียนให้ตรงกับ พป.5

0

จัดแถวในโปรแกรมExcel

สวัสดีค่ะ คุณครูทุกท่าน ทำแบบพป.5 เสร็จกันรึยังเอ่ย  วันนี้ครูอัพเดตดอท คอมมีวิธีการตั้งค่าระยะห่างแถวในโปรแกรม Excel มาฝากกันจ้า มาดูข้อดีของการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยการด้านการศึกษากันจ้า ไปดูกันเลย

*******แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบสมุด ปพ.5 ของครูแต่ละท่าน

  1. ขนาดตัวอักษรแนะนำปกติทั่วไปคือ 16 ค่ะ ข้อสังเกตุถ้าพิมพ์แล้วเป็นตัว ##### ให้ขยายคอลัมส์ออกนิดหนึ่งให้พอดีกับความยาวของข้อความค่ะ

excel

2.เลือกทั้งหมด กด Ctrl+A หรือ กดที่ครอบไว้ตามรูปที่ 2 ได้เลยค่ะ

3. คลิกที่  หน้าแรก

4.รูปแบบ

5. ความสูงของแถว

6.ตั้งค่าความสูงของแถว  โดยเท่าที่ลองทำดู ขาดตัวอักษร 16 จะมีความสูงของแถวอยู่ที่ประมาณ 16.3 (แต่เท่ากับ พป.5 ที่โรงเรียนแอดมินทำขึ้นนะคะ)

excel
excel

****ส่วนความสูงของพป.5 ของคุณครูก็ลอง ใส่ขนาดตามที่แอดมินระบุไว้ 16.3, 16.8 ,17.6 ,18.3 หรือ ไม่ต้องลองผิดลองถูก ตั้งค่าแล้วลองปริ้นดูค่ะ เพราะ ขนาดแถวของพป.5 แต่ละโรงเรียนไม่เหมือนและไม่เท่ากันค่ะ  ลองตั้งแต่แล้วปริ้นลองดูนะจ๊ะ

หรือคุณครูท่านไหนมีวิธีที่ง่ายและใช้ได้กับปพ.ทุกรูปแบบ  ก็นำมาแชร์กันได้นะคะ คอมเม้นต์ไว้ใต้โพสต์เลยจ้า ยินดีรับฟังทุกคำแนะนำและทุกความคิดเห็นค่ะ 

โดย  ครูอัพเดตดอทคอม

8 สัญญาณ  บ่งบอก ความเป็นครู  ในตัวคุณ

8 สัญญาณ  บ่งบอก ความเป็นครู  ในตัวคุณ

สำหรับท่านที่เป็นครูอยู่แล้ว   หรือคนที่อยากเป็นครู ลองดูสิว่าท่านมีคุณสมบัติทุกข้อที่จะกล่าวต่อไปนี้หรือไม่  การสร้างการเปลี่ยนแปลง  ในทางที่ดีในด้านต่างๆ ให้กับเด็กผ่านทาง  การจัดการศึกษา นอกจากหลักสูตรแล้ว  ยังมี ลักษณะบุคลิกภาพ  ของ ความเป็นครู  ซึ่งแฝงอยู่ในตัวครู  ซึ่งช่วยส่งเสริมให้การจัดการเรียนการสอนประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

1.มีความสงสาร  เห็นอกเห็นใจเด็ก
ครูที่มีความเข้าใจและใจดี กับนักเรียน จะทำให้นักเรียนมีความคิดว่าครูคือคนในครอบครัว  ที่เมื่อครูให้ทำกิจกรรม
ก็จะทำอย่างเต็มที่ เด็กบางคนเรียนไม่ทันเพื่อน ครูที่พยายามทุกอย่างเพื่อช่วยให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จ
ทั้งในและนอกห้องเรียน  นั้นบ่งบอกการที่ครู  มีความสงสาร และเห็นอกเห็นใจนั้นเอง

2.มีความหลงใหลในการสอน 
ครูที่มีความหลงใหลในการสอน จะเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้นต่อเด็กและการเรียนรู้   มีการเตรียมการสอนที่ดี
มีเอกสารประกอบการสอนที่ดี  จะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้อย่างมีจุดหมาย  และบรรลุจุดหมายนั้น

3.มีความขยัน มุ่งมั่น 
ครูต้องพบกับภาระงานมากมายในทุกวัน   แต่ความขยันและความมุ่งมั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ การจัดการเรียนรู้เป็นไปได้
ไม่ว่ามีอุปสรรคอะไร   ครูก็สามารถแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้  ก็ด้วยความมุ่งมั่น  และขยันหมั่นเพียร

4.มีความกล้าหาญ  
อาชีพครูต้องยืนหยัด  และมีกล้าหาญ ไม่แพ้อาชีพ ทหาร  หรือตำรวจ เช่นกัน อาจมีบางครั้งที่นักเรียน  มีความขัดแย้งในครอบครัว   ครูคือบุคคลหนึ่งที่จะช่วยให้ ปัญหาของนักเรียน  ผ่านพ้นไปได้  เช่น  ปัญหาการคุกคามทางเพศของคนในครอบครัว   ยาเสพติด ความกล้าหาญในตัวครูจะไม่ปล่อยให้ ปัญหาเหล่านั้นชนะครูได้

5.มีแรงบันดาลใจ
ถึงแม้ว่าการสอนจะเป็นมากกว่าการเรียนการสอน แต่การมุ่งเน้นไปที่มาตรฐานและการประเมินผล ก็มีความสำคัญ
ขึ้นทุกปี ครูต้องเผชิญกับแรงกดดันที่จะได้รับผลลัพธ์    และผลการประเมินที่เป็นตัวเลขและข้อมูล  เชิงปริมาณ
จนอาจเกิดความท้อแท้ในการทำงาน   แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยได้คือ  การที่ครูเป็นคนมีแรงบันดาลใจ ยกตัวอย่างเช่น
คุณครูบนดอย   ครูที่สอนบนเกาะ   เป็นต้น

6.มีความคิดสร้างสรร 
ครูคิดนอกกรอบและลองสิ่งใหม่ ๆ  มักเป็นครูที่ได้ใจนักเรียน   เพราะนอกจากมีความรู้ด้าน วิชาการแล้ว  ครูมีความคิดสร้างสรร   มักได้ใจนักเรียน   เช่น  ครูที่แต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ของตนมาสอน    ครูที่มีการประเมินให้นักเรียนได้ที่หนึ่งทั้งห้อง    เป็นต้น

7.มีความมุ่งหวังในสิ่งที่ดี
การเรียนการสอนที่ไม่ได้ผล   เพราะความคาดหวังของครูต่ำทำให้เกิดผลการเรียนที่ไม่ดี   หากบอกว่าเด็กทำไม่ได้หรอก   ข้อสอบโอเน็ตยากไป   แสดงว่ามีความคาดหวังในทางลบ   แต่เมื่อไหร่ที่ครูมีความมุ่งหวังในทางที่ดี  เช่น   ข้อสอบโอเน็ต  นักเรียนเราก็ทำได้เช่นเดียวกับนักเรียนในเมือง   คือหวังผลไว้สูงสำหรับนักเรียนทุกคน  และกระตุ้นให้พวกเขาไปถึงเป้าหมาย   การสอนที่มีคุณภาพต้องใช้การมองโลกในแง่ดีและมองเห็นความสำเร็จของนักเรียนก่อนที่จะเกิดขึ้น  สิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในการสอนคือความสำเร็จเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน  แล้วค่อยๆพัฒนาไปสู่เรื่องผลสัมฤทธิ์
เข้ากับ สำนวนที่ว่า  “ฝันให้ไกล  ไปให้ถึง”

8.มีความคล่องแคล่ว คล่องตัว
ครูที่มีอารมณ์ขันเพื่อที่จะผ่านความวุ่นวาย  และความสับสนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  กับเหตุการณ์และนโยบาย  โดยมีทักษะทางเทคโนโลยี  และทักษะสังคม  ที่จะช่วยให้เป็นคนที่มี  ความคล่องแคล่ว คล่องตัว ในตนเอง  เพราะปัจจุบันการแข่งขันมีสูงทุกอาชีพ   ดังนั้น  คนที่มี ความคล่องตัว จึงได้เปรียบ กว่าคนเฉื่อยชานั้นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ   กับบทความดีๆในวันนี้  ที่นำมาฝากหวังว่าคงให้แง่คิดดีๆ  ที่เป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ

 

เรียบเรียงโดย  ครูอัพเดตดอทคอม
อ้างอิงจาก https://www.thoughtco.com/signs-you-should-become-a-teacher-2081537
สืบค้น  30  มกราคม  2563

 

แจกฟรี! ประวัติส่วนตัวหน้าเดียว ไฟล์ Word แก้ไขง่ายมาก

0

ไฟล์ประวัติส่วนตัว

สวัสดีค่ะ คุณครูที่น่ารักทุกท่าน  วันนี้ครูอัพเดตดอทคอม มีผลงานมานำเสนออีกแล้วววจ้าาา นั่นคือ  ประวัติส่วนตัวหน้าเดียว สำหรับแนะนำตนเอง ทำเก็บผลงาน ประเมินต่างๆเช่น ครูผู้ช่วย คศ.ต่างๆ หรือ นำไปเป็นเอกสารสอบสัมภาษณ์ สมัครงานก็ได้นะคะ กดดาวน์โหลดที่ลิงก์ข้างล่างได้เลย ปล.ไฟล์ Word แก้ไขง่ายมากจ้าาาา  คุณครูทำได้ทุกคน

 

ดาวน์โหลดไฟล์ ประวัติส่วนตัวหน้าเดียวคลิกที่นี่

ผลงานโดย  ครูอัพเดตดอทคอม

โหลดเลย ปกประเมินฯ คศ.2 (ว.17) ไฟล์ Word แก้ไขง่ายมากจ้าาาา…

0

ปกประเมิน คศ.2

สวัสดีค่ะ สมาชิกครูอัพเดตดอทคอมทุกท่าน  วันนี้ครูอัพเดตดอทคอมมีไฟล์ปก สำหรับประเมินครู คศ.2 ว.17 (แบบเดิม)  มาฝากคุณครูที่กำลังจะเตรียมประเมินค่ะ  เป็นไฟล์Word แก้ไขได้ง่ายมากๆเลย แต่จะมีเทคนิค 2 อย่าง ที่คุณครูต้องนำมาใช้ โดยครูอัพเดตดอทคอม ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว  เดี๋ยวจะใส่ลิงก์ไว้ให้ด้วยนะคะ

ปก คศ.2

วิธีตัดภาพคนออกจากพื้นหลัง

วิธีตัดภาพพื้นหลังออกจากรูปคน ด้วย Word และ ppt ทำตามได้ง่ายมาก

วิธีทำรูปภาพเป็นรูปทรงต่างๆ

วิธีทำรูปภาพเป็นรูปทรงต่างๆ ด้วยโปรแกรม Word และ ppt

 

คุณครูดาวน์โหลดไฟล์ ปกประเมินคศ.2 ที่นี่ คลิกเลย

ผลงานโดย  ครูอัพเดตดอทคอม