ประกาศผลสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563 (สอบ 24 มีนาคม 2564) ผลการสอบ NT

0

ประกาศผลสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563 สอบnt 2564 01

สวัสดีค่ะคุณครูทุกท่าน วันนี้เว็บไซต์ ครูอัพเดตดอทคอม มีเรื่องราวเกี่ยวกับ สพฐ. ประกาศผล การสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563 ซึ่งดำเนินการสอบเมื่อ วันที่  24  มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา  มาแจ้งให้ทุกท่านทราบดังนี้ค่ะ

โดยวันนี้ 5  พฤษภาคม 2564  สทศ. สพฐ. ได้ ประกาศ สพฐ. ประกาศผล การสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563 (อย่างเป็นทางการ) ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563

ตามกำหนดการสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563 ของทาง สทศ. สพฐ. มีกำหนด ประกาศผลการสอบ ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 เวลา 00.00 น. เป็นต้นไป โดยท่านสามารถคลิกที่ลิ้งก์ด้านล่างนี้

ประกาศผลสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563 สอบnt 2564

>>ประกาศผลสอบ NT ป.3 รายบุคคล คลิกที่นี่ <<

 

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณที่มา : สทศ. สพฐ. ประกาศผลการสอบ NT  ปี 2563 สอบ 2564

 

 

หลักสำคัญในการสอนที่มีประสิทธิภาพ 8 ข้อ ซึ่งจะใช้ในการประเมินคลิปการสอนของครู ในการประเมินวิทยฐานะใหม่ ว.PA

0

หลักสำคัญในการสอนที่มีประสิทธิภาพ 8 ข้อ ซึ่งจะใช้ในการประเมินคลิปการสอนของครู ในการประเมินวิทยฐานะใหม่ ว.PA

สวัสดีค่ะ คุณครูทุกท่าน วันนี้ครูอัพเดตดอทคอม มีคลิปวีดีโอที่น่าสนใจเกี่ยวกับ การประเมินวิทยฐานะของครู เกณฑ์ใหม่ ว.PA โดยการส่งคลิปการสอนของครู ซึ่งเป็นหนึ่งในการประเมิน

หลักสำคัญในการสอนที่มีประสิทธิภาพ 8 ข้อ ซึ่งจะใช้ในการประเมินคลิปการสอนของครู ในการประเมินวิทยฐานะใหม่ ว.PA นี้

1.การสอนของครูมีการเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่ที่จะเรียนรู้หรือไม่?
2. การสอนครั้งนั้น เด็กได้มีโอกาสในการสร้างความรู้ขึ้นมาใหม่หรือไม่?
3. วิธีการสร้างแรงจูงใจให้เด็กสนใจในการเรียนเป็นอย่างไร?
4. ครูมีวิธีการออกแบบให้เด็กได้สืบค้นข้อมูล หาความรู้ด้วยตัวเองอย่างไร?
5. ครูให้เด็กฝึกปฏิบัติ และสร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กเพื่อเพิ่มการเรียนรู้อย่างไร?
6. ครูออกแบบสิ่งแวดล้อมในการจัดการเรียนการสอน การใช้สื่อเพื่อให้เด็กพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองอย่างไร?
7. เด็กได้ฝึกการกำกับตัวเองในการเรียนรู้หรือไม่?
8. ความถูกต้อง ความเชี่ยวชาญในเนื้อหาที่ใช้สอนเป็นอย่างไร?

**โดยเน้นย้ำว่าคลิปที่จะส่งประเมิน จะไม่มีการตัดต่อใดๆทั้งสิ้น ถ่ายในแบบสภาพจริง ตามที่สอน และสอนคล้องกับตัวอย่างแผนการจัดการเรียนการสอนที่ส่งไป**

ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางในการออกแบบให้ครูได้พัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอน สร้างการมีส่วนร่วมภายในโรงเรียน ซึ่งจะสะท้อนภาพของกระบวนการ Professional Learning Community (PLC) ที่เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีผู้บริหารเป็นผู้นำแนวทางกระบวนการนี้ภายในโรงเรียน

ศึกษาคลิกเพิ่มเติมที่ https://youtu.be/Yl_sN8KnygA

โดย : รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการก.ค.ศ.

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณจาก เพจ สำนักงาน ก.ค.ศ.

 

ประกาศผลสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563 (ประกาศผล 5 พ.ค. 2564)

ประกาศผลสอบ NT ป.3 ปีการศึกษา 2563

สทศ.สพฐ.แจ้งกำหนดการสอบ  NT 24 มี.ค. 64 ประกาศผล 5 พ.ค. 64

ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักทดสอบทางการศึกษา เปิดเผยทางเพจ วิษณุ ผอ.สทศ. ว่า สทศ.สพฐ. ขอแจ้งกำหนดการประเมิน NT ชั้น ป.3 (การประเมินความสามารถด้านภาษาไทยและความสามารถด้านคณิตศาสตร์) ปีการศึกษา 2563 ดังนี้

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ประกาศผลสอบnt ป.3 2567 (ปีการศึกษา 2566) ที่จะประกาศผลสอบ nt ป.3 ในวันที่ 30 เมษายน 2567

– การประเมิน NT คือ วันที่ 24 มีนาคม 2564 และประกาศผล คือ วันที่ 5 พ.ค. 64

ปฏิทินการปฏิบัติงานและตารางการประเมินคุณภาพผู้เรียน (NT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2563

– ประชุมชี้แจงผู้แทนศูนย์สอบของ สพฐ. และผู้แทนสังกัดอื่น ๆ เกี่ยวกับแนวทางการจัดสอบและการใช้โปรแกรม NT Access รุ่นที่ 1 ประมาณวันที่ 23 – 25 พ.ย. 63 และรุ่นที่ 2 ประมาณวันที่ 25 – 27 พ.ย. 63

-เผยแพร่ Test Blueprint เดือนพ.ย. 63

– ศูนย์สอบนำเข้าและตรวจสอบข้อมูลสถานศึกษาที่มีสิทธิ์สอบผ่านระบบ NT Access วันที่ 23 พ.ย. – 7 ธ.ค. 63

-สถานศึกษานำเข้าข้อมูลนักเรียนที่มีสิทธิ์สอบ ผ่านระบบ NT Access วันที่ 8 ธ.ค. 63 – 20 ธ.ค. 63

-ศูนย์สอบสำรวจและจัดสนามสอบ วันที่ 21 – 27 ธ.ค. 63

-สนามสอบตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลห้องสอบ วันที่ 28 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค. 64

-สถานศึกษาตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลนักเรียนที่มีสิทธิ์สอบผ่านระบบ NT Access (ครั้งสุดท้าย) วันที่ 4 – 10 ม.ค. 64

-ศูนย์สอบตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลการจัดสอบ ผ่านระบบ NT Access (ครั้งสุดท้าย) วันที่ 11 – 17 ม.ค. 64

-ศูนย์สอบแต่งตั้งคณะกรรมการจัดสอบระดับศูนย์สอบและสนามสอบ วันที่ 8 – 14 ก.พ. 64

-จัดส่งคู่มือและเอกสารธุรการประจำสนามสอบไปยังศูนย์สอบ วันที่ 15 – 19 ก.พ. 64

-ศูนย์สอบประชุมชี้แจงคณะกรรมการจัดการสอบระดับศูนย์สอบและสนามสอบ เกี่ยวกับการบริหารจัดการสอบ วันที่ 15 – 19 มี.ค. 64

-จัดส่งข้อสอบและกระดาษคำตอบไปยังศูนย์สอบ วันที่ 15 – 19 มี.ค. 64

-ดำเนินการประเมิน NT วันที่ 24 มีนาคม 2564 

-สนามสอบตรวจข้อสอบแบบเขียนตอบ วันที่ 25 – 26 มี.ค. 64

-ศูนย์สอบส่งกระดาษคำตอบให้กับสพฐ.วันที่ 29 – 2 เม.ย. 64

-เผยแพร่ข้อสอบและเฉลย/แนวคำตอบ วันที่ 6 เม.ย. 64

-ตรวจกระดาษคำตอบปรนัยและประมวลผลคะแนนการทดสอบ วันที่ 5 – 30 เม.ย. 64

เข้าระบบประกาศผลNT ป.3 ปีการศึกษา 2563 คลิกที่นี่!!

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูฃจากเพจ วิษณุ ผอ.สทศ.

และ ระบบประกาศผลสอบ NT 

ซักซ้อมความเข้าใจการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 และการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ของ สพฐ.

ซักซ้อมความเข้าใจการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 และการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ของ สพฐ.

สวัสดีครับ คุณครูและท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ครูอัพเดตดอทคอม มีข่าวสารเกี่ยวกับการซักซ้อมความเข้าใจการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 และการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ของ สพฐ. มาฝากคุณครูและท่านผู้อ่านทุกท่านครับ

หนังสือ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 14006/ว1393 ลงวันที่ 29 เมษายน 2564

เรื่อง ชักซ้อมความเข้าใจการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 และการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต

อ้างถึง หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04006/ว1284ลงวันที่ 20 เมษายน 2564

สิ่งที่ส่งมาด้วย ปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 (ณ วันที่ 29 เมษายน 2564)

ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต แจ้งสถานศึกษาในสังกัดทราบการเลื่อนการจับฉลาก การสอบคัดเลือก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัว ที่ได้กำหนดไว้ตามปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 (ฉบับเดิม) และให้ดำเนินการรับนักเรียนเป็นไปตามปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 (ฉบับใหม่) ปรับตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติตเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) โดยให้ดำเนินการรับนักเรียนเป็นไปตามแนวปฏิบัติการรับสมัครเด็กเข้าเรียน การจับฉลาก การสอบคัดเลือก การรายงานตัว และการมอบตัว ในสถานการณ์การแพร่ระบาคของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD – 19) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อย่างเคร่งครัด ความแจ้งแล้ว นั้น

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอเรียนว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD – 19) ระลอกใหม่ในประเทศไทยมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงศึกษาธิการ มีความห่วงใยในความปลอดภัยของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนผู้ปกครองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับวิกฤตการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD – 19) จึงเลื่อนการเบิดภาดเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จากเดิม วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2564 และเพื่อให้การรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) จึงเสื่อนการจับฉลาก การสอบคัดเลือก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัว ออกไปอีกคราวหนึ่ง ดังนั้น ขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตดำเนินการ ดังนี้

1. แจ้งสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่ง ทราบวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จากเดิมวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2564

2. แจ้งสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่ง ที่ดำเนินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ยังไม่แล้วเสร็จตามกระบวนการรับนักเรียน เลื่อนการจับฉลาก การสอบคัดเลือก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัวออกไปอีกคราวหนึ่ง และให้ดำเนินการตามปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ตามสิ่งที่ส่งมาด้วยพร้อมนี้ โดยยกเลิกกำหนดวันเดิมตามปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 04006/ว1284 ลงวันที่ 20 เมษายน 2564 ที่อ้างถึง

ซักซ้อมความเข้าใจการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 และการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ของ สพฐ._1

ทั้งนี้ ขอให้โรงเรียนดำเนินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ตามแนวปฏิบัติการรับสมัครเด็กเข้าเรียน การจับฉลาก การสอบคัดเลือก การรายงานตัว และการมอบตัว ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ได้แจ้งให้ทราบแล้วตามหนังสือที่อ้างถึง พร้อมขอให้ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อสำคัญ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการในการดำเนินการรับนักเรียน

อนึ่ง หากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 (ศบค.) ของรัฐบาล มีข้อกำหนดเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD – 19) ที่เพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ พร้อมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ขอแสดงความนับถือ
(นายอัมพร พินะสา)
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กลุ่มวิจัยและพัฒนานโยบาย
โทร. 0 2280 5530
โทรสาร 0 2288 5840

ซักซ้อมความเข้าใจการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 และการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ของ สพฐ._2

ปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564

ซักซ้อมความเข้าใจการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 และการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 ของ สพฐ._3

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลจาก สพฐ.

ก.ค.ศ. เห็นชอบ อนุมัติกรอบอัตรากำลัง ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่กำหนดใหม่ 

 

กรอบอัตรากำลัง กรอบอัตรากำลังใหม่ 2564

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 4/2564 ในวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน 2564 โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และอนุมัติกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่กำหนดใหม่

สืบเนื่องจากที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการกำหนดและแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ณ วันที่ 28 มกราคม 2564 จึงยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ประกาศ ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2553 และ เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ประกาศ ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2554 และกำหนดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาใหม่ จำนวน 62 เขต

 

 

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขอให้ ก.ค.ศ. พิจารณาขออนุมัติกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่กำหนดใหม่ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงท้องที่จังหวัด ตามจำนวนและตำแหน่งตามกรอบอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนดไว้เดิม จำนวน 24 เขต จำนวน 593 อัตรา และกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่กำหนดใหม่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงท้องที่จังหวัด เพื่อให้มีผู้ปฏิบัติงานในระยะแรก จำนวน 38 เขต จำนวน 488 อัตรา รวมถึงขออนุมัติตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ชั่วคราวและมีเงื่อนไข) ที่ว่างจากกรณีอื่น (ย้าย ตาย ลาออก) ที่มิใช่ว่างจากการเกษียณอายุราชการ ไปกำหนดเป็นตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 20 อัตรา และตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน  22 อัตรา ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่กำหนดใหม่

ก.ค.ศ. พิจารณาแล้วเห็นว่า การขอกำหนดกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่กำหนดใหม่ ทั้ง 62 เขต ในครั้งนี้ เป็นการขอกำหนดกรอบอัตรากำลังฯ (ชั่วคราว) ซึ่งอัตรากำลังในแต่ละตำแหน่งเป็นการปรับอัตรากำลังมาจากกรอบอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนดไว้เดิม ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จำนวน 42 เขต ไม่ได้เป็นการเพิ่มอัตรากำลังและไม่เพิ่มงบประมาณ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทางราชการจึงพิจารณาอนุมัติกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนี้           1. กรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ชั่วคราว) ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่กำหนดใหม่ จำนวน 62 เขต รวม 1,081 อัตราประกอบด้วย

  • ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 62อัตรา
  • ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 148 อัตรา
  • ตำแหน่งศึกษานิเทศก์จำนวน 871อัตรา

ทั้งนี้ ให้ใช้กรอบอัตรากำลังนี้ เป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่สำนักงาน ก.ค.ศ.แจ้งมติ เมื่อครบกำหนดแล้วให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเสนอ ก.ค.ศ.เพื่อขอทบทวนกรอบอัตรากำลังตามภาระงานต่อไป

       2. กรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่กำหนดใหม่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงท้องที่จังหวัด เพื่อให้มีผู้ปฏิบัติงานในระยะแรกจำนวน 38 เขต จำนวน 488 อัตรา

1) ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 62 อัตราแบ่งเป็นกำหนดในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเดิม จำนวน 42 อัตรา และกำหนดในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาใหม่ จำนวน 20 อัตรา โดยให้ตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ชั่วคราวและมีเงื่อนไข) ซึ่งเป็นตำแหน่งว่างจากกรณีอื่น (ย้าย ตาย ลาออก) ไม่ใช่ว่างจากการเกษียณอายุราชการ และมีอัตราเงินเดือนมากำหนด สำหรับการกำหนดตำแหน่งเลขที่ของตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้กำหนดเป็น “ตำแหน่งเลขที่ 1”

2) ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 148 อัตรา แบ่งเป็นกำหนดในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเดิม 24 เขต ๆ ละ 3 อัตรา จำนวน 72 อัตรา และ 18 เขต ๆ ละ 2 อัตรา จำนวน 36 อัตรา และกำหนดในสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาใหม่ ๒๐ เขต ๆ ละ 2 อัตรา จำนวน 40 อัตรา โดยให้เกลี่ยอัตรากำลังจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ปริมาณงานลดลงหรือตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือน จากตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ชั่วคราวและมีเงื่อนไข) ซึ่งเป็นตำแหน่งว่างจากกรณีอื่น (ย้าย ตาย ลาออก) ไม่ใช่ว่างจากการเกษียณอายุราชการและมีอัตราเงินเดือนมากำหนด สำหรับการกำหนดตำแหน่งเลขที่ของตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้กำหนดเป็น “ตำแหน่งเลขที่ 2 3 และ 4 ” แล้วแต่กรณี

3) ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ จำนวน 871 อัตรา แบ่งเป็นกำหนดในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เดิม 24 เขต ๆ ละ 19 – 24 อัตรา จำนวน 497 อัตรา และ 18 เขต ๆ ละ 7- 21 อัตรา จำนวน 201 อัตรา และกำหนดในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาใหม่ 20 เขต ๆ ละ 7 – 12 อัตรา จำนวน 173 อัตรา โดยให้เกลี่ยอัตรากำลังจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ปริมาณงานลดลงมากำหนด สำหรับการกำหนดตำแหน่งเลขที่ของตำแหน่งศึกษานิเทศก์ให้กำหนดเป็นตำแหน่งเลขที่เดิม

ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดทำรายละเอียดการกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามกรอบอัตรากำลังฯ ทั้ง 1,081 อัตรา เสนอ ก.ค.ศ. เพื่อพิจารณากำหนดตำแหน่งฯ ต่อไป

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล ก.ค.ศ. เห็นชอบปรับปรุง เกณฑ์การย้าย ผู้บริหารสถานศึกษา เกณฑ์การย้าย ผอ.โรงเรียนจาก เว็บไซต์ ก.ค.ศ. ค่ะ

ก.ค.ศ. เห็นชอบ ปรับปรุงการนับหน่วยกิต กรณีสมัคร สอบบรรจุ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย

นับหน่วยกิต สมัครครูผู้ช่วย 2564 สมัครครูผู้ช่วย 2564

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 4/2564 ในวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน 2564 โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และเห็นชอบ การปรับปรุงแนวปฏิบัติการนับหน่วยกิต กำหนดกรณีผู้สอบแข่งขันหรือผู้สมัครคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย

สืบเนื่องจากที่ ก.ค.ศ. ได้กำหนดแนวปฏิบัติการนับหน่วยกิต ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/ว 7 ลงวันที่ 18 เมษายน 2556 ระบุว่า “กรณีหลักฐานการศึกษามิได้ระบุสาขาวิชาเอกที่ศึกษาไว้ หรือระบุไว้แตกต่าง  จากประกาศรับสมัคร ให้นับจำนวนหน่วยกิตจากรายวิชาที่ศึกษาตาม Transcript ทั้งหมด” ดังนี้

1) ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี และหลักสูตร 5 ปี ต้องศึกษาเนื้อหาวิชานั้น ๆ ไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต

2) ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี 2 ปี หลักสูตรต่อเนื่อง ต้องศึกษาเนื้อหาวิชานั้น ๆ ในระดับปริญญาตรีไม่น้อยกว่า 20 หน่วยกิต และในระดับอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ได้ไม่เกิน 10 หน่วยกิต รวมแล้วไม่น้อยกว่า 30 หน่วยกิต

ก.ค.ศ. พิจารณาเห็นว่าแนวปฏิบัติดังกล่าว กำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษาที่มีคุณวุฒิและสาขาวิชาเอกแตกต่างจากการประกาศรับสมัคร สามารถนับจำนวนหน่วยกิตจากรายวิชาที่ศึกษาตาม Transcript ทั้งหมดได้ ทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาทุกคุณวุฒิ ทุกสาขาวิชาที่ ก.ค.ศ. รับรอง สามารถนำหน่วยกิตในคุณวุฒิและหรือสาขาวิชาที่แตกต่างไป นำมาใช้สมัครเพื่อสอบแข่งขันหรือคัดเลือกได้ จึงส่งผลให้สถานศึกษาได้ครูในสาขาวิชาที่ไม่ตรงตามความจำเป็น และความต้องการอย่างแท้จริง ดังนั้น การนับหน่วยกิตควรใช้เฉพาะกรณีที่หลักฐานการศึกษาที่ผู้สมัครสอบแข่งขันหรือคัดเลือกนำมาใช้สมัคร ไม่ได้ระบุสาขาวิชาเอกที่ศึกษาไว้เท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องการให้สถานศึกษาได้ครูตรงกับความจำเป็นและความต้องการของสถานศึกษาและเพื่อประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน จึงเห็นชอบให้ปรับปรุงแนวปฏิบัติการนับหน่วยกิต จาก เดิม ที่กำหนดว่า “หากหลักฐานการศึกษามิได้ระบุสาขาวิชาเอกที่ศึกษาไว้ หรือระบุไว้แตกต่างจากประกาศรับสมัครให้นับจำนวนหน่วยกิตจากรายวิชาที่ศึกษาตาม Transcript ทั้งหมด” ปรับปรุงเป็น “กรณีหลักฐานการศึกษา ซึ่งผู้สมัครสอบแข่งขันหรือคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย นำมาใช้สมัครสอบแข่งขันหรือคัดเลือกมิได้ระบุสาขาวิชาเอกที่ศึกษาไว้ ให้ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันหรือคัดเลือกพิจารณาและดำเนินการนับจำนวนหน่วยกิตรายวิชาที่ศึกษา ที่ตรงกับกลุ่มวิชา หรือทาง หรือสาขาวิชาเอกที่ประกาศรับสมัครจากหลักฐานการศึกษา (Transcript)” โดยสาระสำคัญของการนับหน่วยกิต 1) และ 2) ให้คงเดิม

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล ก.ค.ศ. เห็นชอบ ปรับปรุงการนับหน่วยกิต กรณีสมัคร สอบบรรจุ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย เว็บไซต์ ก.ค.ศ. ค่ะ

ก.ค.ศ. เห็นชอบปรับปรุง เกณฑ์การย้าย ผู้บริหารสถานศึกษา เกณฑ์การย้าย ผอ.โรงเรียน

เกณฑ์การย้าย ผอ. เกณฑ์การย้ายผู้อำนวยสถานศึกษา ย้าย ผอ. 2564

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 4/2564 ในวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน 2564 โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และเห็นชอบ การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

ตามที่ ก.ค.ศ. ได้ประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ  (ว 6/2563) ต่อมาส่วนราชการและหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ ได้นำหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ไปปฏิบัติแล้ว พบว่าเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ 4 ประเด็นด้วยกัน คือ 1) การพิจารณาย้าย 2) การประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย 3) การประกาศรายชื่อสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา 4) กำหนดการการพิจารณาย้ายครั้งแรก

ก.ค.ศ. พิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล จึงเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ในประเด็นที่เป็นปัญหาดังกล่าว ดังนี้

 

            1. การพิจารณาย้าย เดิมกำหนดให้ย้ายขนาดเดียวกันและขนาดใกล้เคียงกัน ปรับปรุงเป็น ให้พิจารณาย้าย ในสถานศึกษาประเภทเดียวกัน ที่มีสถานศึกษาขนาดเดียวกันและขนาดใกล้เคียงกัน ทั้งในจังหวัดเดียวกันและต่างจังหวัดพร้อมกันก่อน เมื่อพิจารณาย้ายขนาดเดียวกันและใกล้เคียงกันแล้วเสร็จ หากยังมีตำแหน่งว่างเหลืออยู่ ให้พิจารณาย้ายข้ามขนาดสถานศึกษาได้ โดยต้องพิจารณาย้ายข้ามขนาดตามลำดับ เช่น มีตำแหน่งว่างในสถานศึกษาขนาดใหญ่พิเศษเหลืออยู่ ให้พิจารณาย้ายคำร้องขอย้ายของผู้ประสงค์ขอย้ายที่ดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาขนาดกลางก่อนขนาดเล็ก ตามลำดับ และหากยังมีตำแหน่งว่างเหลืออยู่อีก ให้ กศจ. พิจารณาย้ายผู้ประสงค์ขอย้ายที่ดำรงตำแหน่ง ในสถานศึกษา ที่ต่างประเภทสถานศึกษากันได้

            2. การประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย เดิมกำหนดให้ อกศจ. เป็นผู้ประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ขอย้าย ปรับปรุงเป็น  ให้ ผอ.สพท. ทุกเขตในจังหวัด และ ศธจ. ตรวจสอบข้อมูล ประเมินศักยภาพ ผู้ประสงค์ขอย้ายและจัดลำดับ ก่อนเสนอ อกศจ. กลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้องแล้วเสนอ กศจ. พิจารณาย้ายต่อไป

            3. การประกาศรายชื่อสถานศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา เดิมกำหนดให้ประกาศรายชื่อสถานศึกษา ที่ประสงค์จะพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยความเห็นชอบของ กศจ. หรือ อ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ หรือส่วนราชการอื่น แล้วแต่กรณี ก่อนกำหนดการส่งคำร้องขอย้ายประจำปี เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน แก้ไขเป็น กำหนดให้ประกาศรายชื่อสถานศึกษา โดยตัด “ก่อนกำหนดการส่งคำร้องขอย้ายประจำปี เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน” ออก

           4. กำหนดการการพิจารณาย้ายครั้งแรก เดิมกำหนดให้พิจารณาย้ายครั้งแรกให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 25 ตุลาคม แก้ไขเป็น ให้ กศจ. พิจารณาย้ายครั้งแรกให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 30 กันยายน และให้มีผลไม่ก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของปีเดียวกัน ทั้งนี้ ได้ปรับระยะเวลาการยื่นคำร้องขอย้ายเป็นวันที่ 1 – 15 กรกฎาคม เพื่อให้สอดคล้องกับการพิจารณาย้ายครั้งแรกให้แล้วเสร็จ และการนับคุณสมบัติของผู้ประสงค์ขอย้าย ให้นับถึง 30กันยายน ของปีที่ยื่นคำร้องขอย้าย ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะฯ ใหม่ (PA)

ทั้งนี้ จะได้แจ้งหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรับปรุงเรียบร้อยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติต่อไป

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล ก.ค.ศ. เห็นชอบปรับปรุง เกณฑ์การย้าย ผู้บริหารสถานศึกษา เกณฑ์การย้าย ผอ.โรงเรียน เว็บไซต์ ก.ค.ศ. ค่ะ

 

เช็กกันหน่อย คุณครูในแต่ละระดับ ต้องสอนอย่างน้อยกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในปีการศึกษา 2564

เช็กกันหน่อย คุณครูในแต่ละระดับต้องสอนอย่างน้อยกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในปีการศึกษา 2564

สวัสดีครับ คุณครูและท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ครูอัพเดตดอทคอม มีสาระดีๆเกี่ยวกับชั่วโมงการปฏิบัติงานของครู ไม่ว่าจะเป็นชั่วโมงสอนตามตารางสอน ชั่วโมงงานสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ และงานตอบสนองนโยบายและจุดเน้นของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ และส่วนราชการต้นสังกัด ตามหลักเกณฑ์ ว23/2563 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2563 มาให้คุณครูได้อ่านศึกษารายละเอียดของหลักเกณฑ์ดังกล่าวกันครับ

ในปีการศึกษา 2564 นี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จะได้นำหลักเกณฑ์อัตรากำลังใหม่ดังกล่าว มาใช้กับโรงเรียนในสังกัด ซึ่ง ครูอัพเดตดอทคอม ได้สรุปย่อในส่วนของชั่วโมงการสอนและงานสนับสนุนต่างๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เกณฑ์อัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ส่งพร้อมหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/ว23 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2563 นั้น

เพื่อให้สถานศึกษามีอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เหมาะสม สามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คืนครูสู่ห้องเรียน เป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงทรัพยากรทางการศึกษาและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 (2) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ก.ค.ศ. จึงกำหนดเกณฑ์อัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้

เกณฑ์อัตรากำลังนี้ใช้สำหรับสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยกเว้น สถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย โดยให้สถานศึกษามีอัตรากำลังตามสายงาน ได้แก่ สายงานบริหารสถานศึกษา สายงานการสอน และสายงานสนับสนุนการศึกษา ซึ่งกำหนดเป็น 2 กรณี ดังนี้
– สถานศึกษาที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 119 คนลงมา
– สถานศึกษาที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 120 คนขึ้นไป

กลุ่มสถานศึกษา หมายถึง สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีการจัดการเรียนการสอนแบบรวมสถานศึกษาตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด

ชั่วโมงการปฏิบัติงานของครู จำแนกเป็น

1. ชั่วโมงสอนตามตารางสอน ระดับปฐมวัย ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง/สัปดาห์
ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา ไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง/สัปดาห์

2. งานสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ และงานตอบสนองนโยบายและจุดเน้นของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ และส่วนราชการต้นสังกัด ไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง/สัปดาห์

ทั้งนี้ การคำนวณอัตรากำลังตามเกณฑ์อัตรากำลังนี้ กำหนดชั่วโมงการปฏิบัติงานของครู
เท่ากับ 20 ชั่วโมง/สัปดาห์

และในส่วนของผู้บริหารสถานศึกษานั้น กำหนดให้
ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ปฏิบัติการสอนไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง/สัปดาห์
และตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ปฏิบัติการสอนไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง/สัปดาห์

ครูอัพเดตดอทคอม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านทุกท่านได้ไม่มากก็น้อย สาระความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์อัตรากำลัง ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอีกหลายประการ ซึ่งครูอัพเดตดอทคอมจะได้นําเสนอในโอกาสต่อไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ค.ศ. ครับ
ดาวน์โหลดไฟล์ฉบับเต็มที่นี่!!! 

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงาน ก.ค.ศ.

เลือกแผนการลงทุน กบข. ทำอย่างไร? มีทางเลือกให้สมาชิกถึง 7 แผนการลงทุน

เลือกแผนการลงทุน กบข. ทำอย่างไร? มีทางเลือกให้สมาชิกถึง 7 แผนการลงทุน

เนื่องด้วยสมาชิก กบข. กว่าล้านคนมีความต้องการและสถานภาพที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของวัย ความรู้ด้านการเงินและการลงทุน และการยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุน กบข. จึงมีแผนการลงทุนให้สมาชิกได้เลือกตามความต้องการ โดยมีทางเลือกให้สมาชิกถึง 7 แผนการลงทุน ทั้งนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกแผนการลงทุน กบข. ขอแนะนำข้อควรพิจารณาและปฏิบัติทั้งสิ้น 4 ข้อ ดังนี้

1. เริ่มจากสำรวจตัวเอง ว่าความเสี่ยงที่รับได้เป็นอย่างไร ตลอดจนปัจจัยส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นอายุ สถานภาพทางการเงิน ระยะเวลาในการลงทุน จากนั้นลองทำ “แบบประเมินความเสี่ยงด้านการลงทุน” ในแอป กบข. เพื่อให้ระบบช่วยประเมินแผนการลงทุนที่เหมาะสมให้ในเบื้องต้น

2. ทำความเข้าใจธรรมชาติของการลงทุน ว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ยิ่งเสี่ยงมากก็ยิ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนมาก และการลงทุนระยะยาวไม่ควรวิตกกังวลกับยอดเงินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอันเกิดจากความผันผวนของตลาดทุนในบางช่วงเวลา

3. ศึกษาทำความเข้าใจแผนการลงทุนทุกแผน ว่าแต่ละแผนมีการลงทุนในสินทรัพย์อะไร สัดส่วนการลงทุนเป็นอย่างไร ลักษณะของสินทรัพย์นั้นเป็นอย่างไร เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น เพื่อใช้ในการพิจารณาว่าแผนการลงทุนนั้นมีการจัดสรรการลงทุน (Asset Allocation) ที่เหมาะสมกับเราหรือไม่ ตลอดจนดูผลตอบแทนย้อนหลังของแผนการลงทุนนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

4. ติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้การลงทุนกับ กบข. จะเป็นการลงทุนระยะยาว มีผู้จัดการกองทุนคอยปรับพอร์ตการลงทุนให้อย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ไม่ควรลืมโดยเด็ดขาดก็คือ ควรติดตามผลการลงทุน อย่างน้อยทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าแผนการลงทุนที่เราเลือกยังเป็นแผนการลงทุนที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุนของเรา

เมื่อสมาชิกพิจารณาไตร่ตรองพร้อมลงมือปฏิบัติทั้ง 4 ข้อด้านบนแล้ว และต้องการเปลี่ยนแผนการลงทุน สามารถใช้บริการทางช่องทางออนไลน์ของ กบข. ได้ทันทีที่
• My GPF Website คลิก https://bit.ly/36EGJy4
• My GPF Application ดาวน์โหลดหรืออัปเดตแอป คลิก https://bit.ly/3eqgQpu
• LINE OA @GPFCommunity คลิก https://bit.ly/2Pju79f

ขอบคุณข้อมูลจากคอลัมน์ GPF EXPERIENCE
วารสาร กบข. ฉบับเดือนเมษายน 2564
สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่ https://bit.ly/3fO8hWv

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลจาก กบข.

วิธีดูประกาศ ผลสอบธรรมศึกษา 2563 สอบ วันที่ 5 มีนาคม 2564 เช็ก ผลสอบธรรมศึกษา ที่นี่

วิธีดูผลสอบธรรมศึกษา 2563 สอบธรรมศึกษา 2564 05-01

สำนักงานแม่กองธรรม สนามหลวง โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม จึงประกาศให้จัดการสอบธรรมสนามหลวงเฉพาะ ธรรมศึกษา ปีการศึกษา 2563 ในวันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2564 ส่วนวิธีปฏิบัติในการสอบนั้นให้ถือปฏิบัติตามประกาศสนามหลวงแผนกธรรม อละในโอกาสนี้ สำนักงานแม่กองธรรม สนามหลวง โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ได้มีกำหนดการประกาศผลสอบธรรมศึกษา 2563 ปลายเดือนเมษายน 2564

โดยซึ่งบัดนี้สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม  ได้ประกาศผลสอบธรรมศึกษา 2563 สอบ วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เข้าสู่เว็บไซต์สนง.แม่กองธรรมสนามหลวง

และ ครูอัพเดตดอทคอมมีวิธีดูประกาศผลสอบธรรมศึกษา 2563 มามาฝากคุณครูค่ะ ไปดูวิธีดูประกาศผลสอบ ธรรมศึกษา 2563 กันเลยค่ะ

1.คุณครูเข้าสู่เว็บไซต์ ดูประกาศ ผลสอบ ธรรมศึกษา 2563 สอบ วันที่ 5 มีนาคม 2564 เช็ก ผลสอบธรรมศึกษา คลิกที่นี่

วิธีดูผลสอบธรรมศึกษา 2563 สอบธรรมศึกษา 2564 01

2. จากนั้น คุณครูทำการเลือก ภาคที่ต้องการ

วิธีดูผลสอบธรรมศึกษา 2563 สอบธรรมศึกษา 2564 01

 

3. หลังจากที่ทำการ เลือก ภาคที่ต้องการ จะปรากฏรายชื่อจังหวัดในแต่ละภาค

วิธีดูผลสอบธรรมศึกษา 2563 สอบธรรมศึกษา 2564 01

4. จากนั้น คุณครูทำการ ดูประกาศ ผลสอบ ธรรมศึกษา โดยคลิกที่ไฟล์ในจังหวัดที่ต้องการ เช่น  ธศ.ตรี ป. หมายถึง ธรรมศึกษา ชั้น ตรี ระดับประถมศึกษา ธศ.ตรี ม.หมายถึง ธรรมศึกษา ชั้น ตรี ระดับมัธยมศึกษา ค่ะ

วิธีดูผลสอบธรรมศึกษา 2563 สอบธรรมศึกษา 2564 01

ครูอัพเดตดอทคอม หวังว่า วิธี ดูประกาศ ผลสอบ ธรรมศึกษา 2563 จะมีประโยชน์กับคุณครูทุกท่านนะคะ และขอขอบคุณที่มาของข้อมูลและภาพ จาก สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง ค่ะ