ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด กทม. ครั้งที่ 1/2564

ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด กทม. ครั้งที่ 1/2564

ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด กทม. ครั้งที่ 1/2564 สวัสดีครับ คุณครูและท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ครูอัพเดตดอทคอม มีข่าวดีเกี่ยวกับการประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด กทม. ครั้งที่ 1/2564 มาฝากคุณครูและท่านผู้อ่านทุกท่านครับ

ประกาศสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1/2564

ด้วยกรุงเทพมหานคร จะดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ตำแหน่งครูผู้ช่วย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 29 (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ให้ความเห็นชอบในหลักการและแนวทางปฏิบัติตามหนังสือสำนักงาน ก.ก. ด่วนมาก ที่ กท 0302/1230 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2557 ให้สำนักการศึกษารับผิดชอบในการจัดการสอบแข่งขันให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งชันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตามมติ ก.ก. ครั้งที่ 10/2556 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2556 จึงประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ตำแหน่งครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1/2564 ดังต่อไปนี้

1. ตำแหน่งที่จะดำเนินการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งและอัตราเงินเดือนที่จะได้รับ

1.1 ตำแหน่งครูผู้ช่วย สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี ให้ได้รับอัตราเงินเดือน ขั้น 15,050 บาท
1.2 ตำแหน่งครูผู้ช่วย สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี หลักสูตร 5 ปี ให้ได้รับอัตราเงินเดือน ขั้น 15,800 บาท

1.3 ตำแหน่งครูผู้ช่วย สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี และประกาศนียบัตรบัณฑิตที่มีหลักสูตรการศึกษาไม่น้อยกว่า 1 ปี ต่อจากวุฒิปริญญาตรี ให้ได้รับอัตราเงินเดือน ขั้น 15,800 บาท

ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัด กทม. ครั้งที่ 1/2564

ดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมด คลิกที่นี่!!

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร

 

DMC64 เปิดระบบให้จัดทำข้อมูล ต้น-ปลายปีการศึกษา 2564 เปิดแล้ว ระบบDMC 2564

0

สวัสดีค่ะคุณครูทุกท่าน วันนี้ ครูอัพเดตดอทคอม มีข่าวสารเกี่ยวกับ  ระบบDMC 2564 มาฝากคุณครูทุกท่านค่ะ ซึ่งขณะนี้ ระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล Data Management Center ได้เปิดเมนูจัดทำข้อมูลปลายปีการศึกษา 2564 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 โดยคุณครูสามารถเข้าบันทึกข้อมูลได้จากลิงก์ด้านล่างเลยนะคะ นอกจากจะเปิดระบบ DMC 2564 แล้ว ในหน้าเว็บไซต์ ของ ระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล  Data Management Center ยังมีข่าวสารประชาสัมพันธ์ ดังนี้ค่ะ

เรื่องราวที่น่าสนใจ : ระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DMC) Data Management Center

DMC64 เปิดระบบให้จัดทำข้อมูล ต้น-ปลายปีการศึกษา 2564 เปิดแล้ว ระบบDMC 2564

ประกาศ วันที่ 1 มีนาคม 2565

เปิดเมนูให้ทำข้อมูลสิ้นปีการศึกษา 2564 (3/2564)
แนวทางการทำข้อมูล

  • ส่งแก้ไขเลขบัตรประชาชนทางอีเมล์เท่านั้น หยุดแก้ไขในวันที่ วันที่ 30 เมษายน 2565 เวลา 16.30 น.
  • ข้อมูลรายคนในขณะนี้ต้องเป็น นร.ที่สอบปลายภาคเรียนที่โรงเรียนเท่านั้น
  • กรอกข้อมูล น้ำหนักและส่วนสูงของนักเรียนทุกคนที่มีตัวตนศึกษาอยู่ในโรงเรียน
  • นักเรียนที่มาสมัครใหม่ปีการศึกษา 2565 ห้ามกรอกเข้าระบบตอนนี้
  • ย้ายเข้า/เพิ่ม ให้เข้าเฉพาะนักเรียนที่สอบปลายภาคปีการศึกษา 2564 กับทางโรงเรียนเท่านั้น
  • ย้ายออก/จำหน่าย สามารถจำหน่ายนักเรียนที่ออกก่อนสอบปลายภาคปีการศึกษา 2564 ได้
  • ออกกลางคัน ให้ปรึกษาเขตพื้นที่การศึกษาก่อนดำเนินการ
  • นักเรียนที่สอบปลายภาค ที่โรงเรียนให้ทำข้อมูลสิ้นปีในเมนู 3.2.2, 3.2.2.1, 3.2.2.2 ตามลำดับ
  • <b “=””>(เปิดเมนู 1 มี.ค. 2565) นักเรียนที่ไม่ได้สอบปลายภาค ที่โรงเรียนและยังติดตามอยู่แต่ไม่สามารถจำหน่ายได้ ใช้เมนู 3.1.8

ปุ่มยืนยันจะสามารถกดได้ในวันที่ 30 เมษายน 2565 ตั้งแต่เวลา 8.00 น. และปิดระบบในวันเดียวกันเวลา 16.30 น.

เข้าบันทึกข้อมูล ในระบบ DMC2564 คลิกที่นี่

เรื่องราวที่น่าสนใจ : DMC 2564 เปิดระบบให้จัดทำข้อมูล ต้นปีการศึกษา 2564 เปิดแล้ว ระบบDMC 2564

ปุ่มยืนยันจะสามารถกดได้ในวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ตั้งแต่เวลา 8.00 น. และปิดระบบในวันเดียวกันเวลา 16.30 น.

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูล DMC 2564

การรับรองคุณวุฒิ เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

การรับรองคุณวุฒิ เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้ง

การรับรองคุณวุฒิ เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สวัสดีครับวันนี้เว็บไซต์ครูอัพเดตดอทคอม มีเรื่องราวเกี่ยวกับ การรับรองคุณวุฒิ เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่สำนักงานก.ค.ศ. ได้เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 มิถุยายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีรานละเอียดดังนี้ครับ

การรับรองคุณวุฒิ เพื่อประโยชน์ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็น ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั่งหมดสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่

ที่ ศธ 0206.6-389 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2564

ที่ ศธ 0206.6-388 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2564

ที่ ศธ 0206.6-386 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2564

ที่ ศธ 0206.6-387 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2564

ที่ ศธ 0206.6-384 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2564

ขอบคุณที่มา : สำนักงาน ก.ค.ศ.

อบรมออนไลน์ฟรี สสวท. หลักสูตร Scratch ขั้นพื้นฐาน สำหรับการจัดการเรียนรู้ วิทยาการคำนวณ

0

อบรมออนไลน์ฟรี สสวท. หลักสูตร Scratch ขั้นพื้นฐาน สำหรับการจัดการเรียนรู้ วิทยาการคำนวณ

สำหรับคุณครูที่ไม่มีพื้นฐาน coding หรือ ยังเขียนโปรแกรมไม่คล่อง หรือ ไม่รู้จะเริ่มสอน coding อย่างไร เชิญทางนี้

สสวท.จัดอบรมออนไลน์ผ่าน Zoom ฟรี!

ขอเชิญคุณครูที่ต้องการพัฒนาทักษะด้าน coding สมัครเข้าอบรมหลักสูตร Scratch ขั้นพื้นฐาน สำหรับการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณ

รับสมัครผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตร Scratch ขั้นพื้นฐาน สำหรับการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณ ระดับประถมศึกษา
คำชี้แจง การอบรมมีรายละเอียดดังนี้
1. การอบรมนี้สำหรับครูผู้สอนระดับประถมศึกษาที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม Scratch หรือมีบ้างเล็กน้อย
2. จัดอบรม 2 รุ่น คือ รุ่นที่ 1 วันที่ 10-11 กรกฏาคม 2564 และรุ่นที่ 2 วันที่ 31 กรกฏาคม -1 สิงหาคม 2564 ท่านสามารถเลือกสมัครรุ่นใดก็ได้
3. การอบรมจะจัดผ่านแอปพลิเคชัน Zoom
4. เป็นการอบรมฟรี โดยไม่มีค่าลงทะเบียน (แต่หากลงทะเบียนแล้วไม่เข้าอบรม ทางผู้จัดขอสงวนสิทธิ์ในการรับเข้าอบรมครั้งต่อ ๆ ไป)
4. ผู้ที่สนใจเข้ารับการอบรมกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มนี้
5. สสวท. จะคัดเลือก และติดต่อกลับผู้ได้รับคัดเลือกไปยังอีเมล ภายในวันที่ 28 มิ.ย. 2564 โปรดตรวจสอบอีเมลเพื่อยืนยันการเข้าร่วมอบรม

ระดับประถมศึกษา สมัครที่ https://forms.gle/YCZrP84prN5rGqE67

รับสมัครผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตร Scratch ขั้นพื้นฐาน สำหรับการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณ ระดับมัธยมศึกษา
คำชี้แจง การอบรมมีรายละเอียดดังนี้
1. การอบรมนี้สำหรับครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม Scratch
2. จัดอบรม 2 รุ่น คือ รุ่นที่ 1 วันที่ 3-4 กรกฏาคม 2564 และรุ่นที่ 2 วันที่ 17-18 กรกฏาคม 2564 ท่านสามารถเลือกสมัครรุ่นใดก็ได้
3. การอบรมจะจัดผ่านแอปพลิเคชัน Zoom
4. เป็นการอบรมฟรี โดยไม่มีค่าลงทะเบียน (แต่หากลงทะเบียนแล้วไม่เข้าอบรม ทางผู้จัดขอสงวนสิทธิ์ในการรับเข้าอบรมครั้งต่อ ๆ ไป)
4. ผู้ที่สนใจเข้ารับการอบรมกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มนี้
5. สสวท. จะคัดเลือก และติดต่อกลับผู้ได้รับคัดเลือกไปยังอีเมล ภายในวันที่ 28 มิ.ย. 2564 โปรดตรวจสอบอีเมลเพื่อยืนยันการเข้าร่วมอบรม

ระดับมัธยมศึกษา สมัครที่ https://forms.gle/D9MLYpWvzE2gNuhN7

หมดเขตรับสมัคร 25 มิถุนายน 2564

อบรมออนไลน์ฟรี สสวท. หลักสูตร Scratch ขั้นพื้นฐาน สำหรับการจัดการเรียนรู้ วิทยาการคำนวณ

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูล อบรมออนไลน์ฟรี สสวท. หลักสูตร Scratch ขั้นพื้นฐาน สำหรับการจัดการเรียนรู้ วิทยาการคำนวณ จาก สสวท.

 

สำรวจอัตรากำลัง ปี 64 การสำรวจข้อมูล สภาพอัตรากำลัง ปีการศึกษา 2564

สำรวจอัตรากำลัง ปี 64 การสำรวจข้อมูล สภาพอัตรากำลัง ปีการศึกษา 2564

สำรวจอัตรากำลัง ปี 64 การสำรวจข้อมูล สภาพอัตรากำลัง ปีการศึกษา 2564สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กทม. ๑๐๓๐๐ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔

เรื่อง สำรวจข้อมูลสภาพอัตรากำลัง ปีการศึกษา ๒๕๖๔
เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ

ด้วย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะดำเนินการจัดทำข้อมูลสภาพ
อัตรากำลัง ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โดยใช้ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ สำหรับวางแผนและบริหารจัดการ
อัตรากำลังในภาพรวม ซึ่งได้มีการปรับปรุงเครื่องมือ (แบบฟอร์ม) การจัดเก็บข้อมูลอัตรากำลังให้มีความชัดเจน
และครอบคลุม เพื่อสะดวกต่อการนำข้อมูลไปใช้บริหารอัตรากำลัง ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ในการนี้ เพื่อให้การดำเนินการจัดทำข้อมูลดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง
และตรงกับสภาพความเป็นจริง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ศึกษาและทำความเข้าใจในเครื่องมือ (แบบฟอร์ม) การจัดเก็บ
ข้อมูลอัตรากำลัง ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://personnel.obec.go.th หรือ QR Code ด้านล่างนี้
โดยให้ใช้ฐานข้อมูลนักเรียนรายบุคคลจากระบบ DMC (ของสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
และข้อมูลจำนวนครู จากบัญชีถือจ่าย (จ.๑๘)

โดยเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ก่อนจัดส่งข้อมูลทางอีเมล [email protected] และเอกสาร จำนวน ๑ ชุด ให้สำนักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน ภายในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕’๖๔ เพื่อดำเนินการรวบรวมและประมวลผลในภาพรวม
ต่อไป

 

สำรวจอัตรากำลัง ปี 64 การสำรวจข้อมูล สภาพอัตรากำลัง ปีการศึกษา 2564

เพิ่มเติม

สพฐ. ศธ 04009-2604 (8 มิ.ย. 64)

คำชี้แจง ข้อมูล 25 มิ.ย. 64

แบบโรงเรียน 25 มิ.ย. 64 สพฐ

แบบ สพท. 25 มิ.ย. 64 สพฐ (ปรับปรุง 9 มิ.ย. 64)

แบบ พรก.และลูกจ้าง 25 มิ.ย. 64 สพฐ

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูล สำรวจอัตรากำลัง ปี 64 การสำรวจข้อมูล สภาพอัตรากำลัง ปีการศึกษา 2564 จาก สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ

เอกสารหลักฐาน ที่ใช้แสดง ในการ ประกอบวิชาชีพครู ที่ คุรุสภา ออกให้เพื่อ ปฏิบัติหน้าที่สอน

เอกสารหลักฐาน ที่ใช้แสดง ในการ ประกอบวิชาชีพครู ที่ คุรุสภา ออกให้เพื่อ ปฏิบัติหน้าที่สอน

 

ดร.ดิศกุล  เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน   ได้เปิดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย ซึ่งเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 4 – 10 มิถุนายน 2564 นั้น เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ประกอบการสมัครสอบก็คือ “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ” เป็นหลักฐานที่ใช้แสดงในการประกอบวิชาชีพครูตามที่คุรุสภาออกให้ เพื่อปฏิบัติหน้าที่สอน จึงขอชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานที่ใช้แสดงในการประกอบวิชาชีพครูคุรุสภาออกให้เพื่อปฏิบัติหน้าที่สอน ดังนี้

1.ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู  คือ หลักฐานที่ออกให้แก่ผู้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานความรู้ และมาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพที่คุรุสภากำหนด และมีสิทธิประกอบวิชาชีพควบคุมได้ตามกฎหมาย โดยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มีอายุ 5 ปี

2.ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน คือ หลักฐานที่ออกให้แก่ผู้มีมาตรฐานความรู้วิชาชีพครูตามข้อบังคับคุรุสภามีสิทธิประกอบวิชาชีพครูโดยอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้บริหารสถานศึกษา และเมื่อปฏิบัติการสอนเป็นเวลาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี และผ่านการรับรองจากสถานศึกษา ให้นำหลักฐานการผ่านการรับรองประสบการณ์การสอนจากสถานศึกษา และใบอนุญาตปฏิบัติการสอนมายื่นคำขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้ ทั้งนี้ ภายในวันที่ 3 ตุลาคม 2563 โดยใบอนุญาตปฏิบัติการสอน มีอายุ 2 ปี

3. หนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ประเภทครู) คือ หนังสือที่ออกให้แก่ผู้ประสงค์จะประกอบวิชาชีพครู แต่ไม่มีคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เป็นการอนุญาตให้เฉพาะบุคคล เฉพาะสถานศึกษาที่ขออนุุญาต โดยให้หน่วยงานทางการศึกษา หรือสถานศึกษาที่มีความจำเป็นต้องรับผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นผู้ยื่นคำขอพร้อมชี้แจงเหตุผลความจำเป็น เมื่อได้รับอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อำนวยการสถานศึกษา และมีเงื่อนไขให้ผู้ได้รับอนุญาตจะต้องพัฒนาตนเองให้มีคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต่อไป หนังสืออนุญาตมีอายุ 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาตจากคุรุสภา และหากผู้ได้รับอนุญาตมีการประพฤติปฏิบัติตนฝ่าฝืนจรรยาบรรณของวิชาชีพ หรือลาออก หรือย้ายสถานศึกษา ให้ถือว่าการอนุญาตดังกล่าวสิ้นสุด

ผู้ที่ต้องการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ควรที่จะศึกษารายละเอียดในการประกาศรับสมัครอย่างรอบคอบว่าเอกสารหลักฐานที่ต้องนำไปในวันสมัครให้เป็นไปตามที่หน่วยรับสมัครกำหนด ให้เรียบร้อย

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา คุรุสภาได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการให้บริการด้านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ให้ยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ KSP e-Service (ระบบ KSP Self-Service กรณียื่นเป็นรายบุคคล และ KSP School กรณียื่นผ่านสถานศึกษา) ผ่านทางเว็บไซต์ของคุรุสภา www.ksp.or.th เท่านั้น และจะเริ่มออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ดำเนินการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ให้เข้าตรวจสอบข้อมูลว่าเอกสารหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ ภายใน 7 – 15 วันทำการ และจะใช้เวลาดำเนินการอนุมัติใบอนุญาตประกอบวิชาชีพภายใน 30 วันทำการ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการให้สามารถดำเนินการด้านใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทุกประเภทได้อย่างต่อเนื่อง

          สามารถตรวจสอบการขอขึ้นทะเบียน หรือต่ออายุใบอนุญาต และพิมพ์ใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ KSP Self-Service ที่ http://selfservice.ksp.or.th โดยเลือกเมนู ใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์และสำเนาใบอนุญาต แล้วเลือก “ใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์” แล้วเลือกไอคอนพิมพ์ใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์

สำหรับผู้ที่ต้องการติดต่อสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สามารถติดต่อผ่านทาง Call center  0 2304 9899 หรือพนักงานเจ้าหน้าที่คุรุสภา ณ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดที่สมาชิกสังกัด

คลิกที่นี่!! ตรวจสอบสถานะการพิมพ์ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และการแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพอิเล็กทรอนิกส์

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูล เอกสารหลักฐาน ที่ใช้แสดง ในการ ประกอบวิชาชีพครู ที่ คุรุสภา ออกให้เพื่อ ปฏิบัติหน้าที่สอน จากคุรุสภา

สทศ. เปิดให้บริการ ทดสอบ วัด สมรรถนะครู ทางด้าน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ครั้งที่ 1/2564

สทศ. เปิดให้บริการ ทดสอบ วัด สมรรถนะครู ทางด้าน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ครั้งที่ 1/2564

 

สอบวัดสมรรถนะครูฯ ประจำปีงบประมาณ 2564

ผังการสร้างแบบทดสอบ (Test Blueprint) สมรรถนะครูทางด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564

ประกาศ เรื่อง การให้บริการการทดสอบวัดสมรรถนะครูทางด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564

คุณสมบัติของผู้สมัคร

คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ ครูผู้สอน บุคลากรทางการศึกษา และผู้สนใจทั่วไป
กำหนดการรับสมัครสอบ ผู้สมัครสอบสามารถเข้ามาสมัครสอบทางเว็บไซต์ www.niets.or.th ตามกำหนดการ
การชำระเงินค่าสมัครสอบ ค่าสมัครสอบ 200 บาทต่อครั้งการสอบ

 

กำหนดการรับสมัคร

กิจกรรม \ ครั้งการสอบ ครั้งที่ 1/2564 ครั้งที่ 2/2564
ลงทะเบียนรับสมัครสอบตามขั้นตอน 4 – 20 มิถุนายน 2564 1 – 20 กรกฎาคม 2564
ชำระเงิน 4 – 21 มิถุนายน 2564 1 – 21 กรกฎาคม 2564
แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล 4 – 21 มิถุนายน 2564 1 – 21 กรกฎาคม 2564
ประกาศเลขที่นั่งสอบ สถานที่สอบ 7 กรกฎาคม 2564 9 สิงหาคม 2564
กำหนดการสอบด้วย วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม 2564
เวลา 10.00 – 12.00 น. 
วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม 2564
เวลา 10.00 – 12.00 น. 
ประกาศผลสอบ 10 สิงหาคม 2564 10 กันยายน 2564

หมายเหตุ – กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

การเปิด-ปิดระบบรับสมัครสอบ

สทศ. จะเปิดระบบการรับสมัครสอบ  ตั้งแต่เวลา  09.00  น.  ของวันแรกที่มีการเปิดรับสมัครสอบ

และปิดระบบการรับสมัครสอบ  ในเวลา  16.00  น.  ของวันสุดท้ายที่มีการเปิดระบบการรับสมัครสอบ

การเปิด-ปิดระบบการชำระเงิน

สทศ. จะเปิดระบบการชำระเงิน  ตั้งแต่เวลา  09.00  น.  ของวันแรกที่มีการเปิดระบบรับชำระเงิน

และปิดระบบการรับชำระเงินในเวลา  20.00  น.  ของวันสุดท้ายที่มีการเปิดระบบรับชำระเงิน

เข้าสู่ระบบการสมัครสอบและประกาศผลสอบ คลิกที่นี่

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.niets.or.th/th/catalog/view/236

สมัครสอบได้ที่ช่องทางนี้ค่ะ
http://www.serviceapp.niets.or.th/ets/

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลจากสทศ. เปิดให้บริการ ทดสอบ วัด สมรรถนะครู ทางด้าน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ครั้งที่ 1/2564  สทศ 

sar การจัดส่ง รายงานผลการประเมินตนเอง ของสถานศึกษา ( SAR ) ประจำปีการศึกษา 2563 ผ่านระบบ e-SAR

0

sar การจัดส่ง รายงานผลการประเมินตนเอง ของสถานศึกษา ( SAR ) ประจำปีการศึกษา 2563 ผ่านระบบ e-SAR

“SAR ประจำปีการศึกษา 2563”

การจัดส่งรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) ประจำปีการศึกษา 2563 ผ่านระบบ e-SAR (#หนังสือ สพฐ.ที่ ศธ.04004/ ว 625 ลงวันที่ 14 พ.ค.64)

การจัดทำรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (Self – Assessment Report : SAR)เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ที่เป็นการนำข้อมูลผลการประเมินตามมาตรฐานของสถานศึกษาจากการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล มาจัดทำเป็นรายงานผลการประเมินตนเอง เพื่อสะท้อนภาพความสำเร็จของการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาในรอบปีการศึกษาที่ผ่านมาภายใต้บริบทของสถานศึกษา ตลอดจนนำรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) เสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อเตรียมการรับการประเมินคุณภาพภายนอกต่อไป

เพื่อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 และ สทศ.สพฐ. มีฐานข้อมูลการรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ การดำเนินงานของสถานศึกษา และสามารถนำผลมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาต่อไป

ขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการดังนี้
1. ส่งผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา โดยระบุระดับคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาทั้งภาพรวมและรายมาตรฐาน โดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มทาง QR code หรือ ทาง shorturl.asia/w4WcK และแจ้งข้อมูลมายัง สทศ. สพฐ. ทาง e-mail : [email protected] ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564
2. ส่งรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) ประจำปีการศึกษา 2563 ของสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัด มายัง สทศ.สพฐ.โดยผ่านระบบจัดเก็บรายงานการประเมินตนเอง (e-SAR) ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ตามชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อเข้าใช้งานในระบบจัดเก็บรายงานการประเมินตนเอง (e-SAR) ที่ได้แจ้งไปแล้ว

แนวทางการจัดทำรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (Self-Assessment Report: SAR) ประจำปีการศึกษา 2563

1.สถานศึกษาสามารถกำหนดรูปแบบรายงานผลประเมินตนเองของสถานศึกษาได้ตามความเหมาะสมและตามบริบทของสถานศึกษา โดยนำเสนอข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ การนำเสนอข้อมูลไม่มีรูปแบบตายตัว แต่ควรมีความกระชับ จับประเด็นสำคัญ ๆ มานำเสนอ และมีที่มาของหลักฐาน ข้อมูล ร่องรอยที่สะท้อนคุณภาพอย่างชัดเจน การจัดทำต้องไม่ยุ่งยากและไม่เป็นภาระให้กับสถานศึกษา เนื้อหาที่นำเสนอมุ่งตอบคำถาม 3 ข้อ ดังนี้
1.1 มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษามีระดับคุณภาพใด
1.2 ข้อมูล หลักฐาน ร่องรอยและเอกสารเชิงประจักษ์สนับสนุนมีอะไรบ้าง
1.3 แผนงาน โครงการ แนวทางพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม (อย่างน้อย 1 ระดับ) หรือคงสภาพอย่างไร

2.โครงสร้างของรายงานผลการประเมินตนเองประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ คือ 1) บทสรุปสำหรับผู้บริหาร และ 2) เนื้อหาสาระของการประเมินตนเอง ที่ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือ (1) ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา และ (2) ผลการประเมินตนเอง

3.เนื้อหาที่นำเสนอในรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา ทั้งบทสรุปผู้บริหาร และเนื้อหาสาระของการประเมินตนเอง มีแนวทางการนำเสนอข้อมูล ดังนี้
3.1 บทสรุปสำหรับผู้บริหาร เป็นการสรุปสาระสำคัญที่ได้มาจากสาระที่นำเสนอในส่วนที่เป็นเนื้อหาการประเมินตนเอง มีการสะท้อนข้อมูลคำถาม 3 ข้อข้างต้น ควรนำเสนอไม่เกิน 2 หน้า โดยบทสรุปการประเมินตนเองจะมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อ 1) กระชับ รวบรัด จับประเด็นสำคัญ และมีที่มาของหลักฐานที่ชัดเจน 2) เป็นการประเมินไม่ใช่แค่บรรยาย ระบุคุณภาพผลการประเมินที่ได้ 3) สื่อให้เห็นอย่างชัดเจนถึงผลกระทบของสิ่งโรงเรียนที่ได้ลงมือทำเพื่อพัฒนาคุณภาพด้านต่าง ๆ (เช่น ด้านผู้เรียน ด้านผู้สอน ด้านบริหาร ด้านปัจจัยพื้นฐาน เป็นต้น)
3.2 ผลการประเมินตนเอง มีเนื้อหาดังนี้
3.2.1 ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา ให้นำเสนอข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษาตามความเหมาะสมตามบริบทของสถานศึกษา ประมาณ 3-5 หน้า ใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย การนำเสนออาจเป็นความเรียง ตาราง แผนภูมิ รูปภาพ หรือกราฟ เช่น ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลผู้บริหาร ข้อมูลนักเรียน ข้อมูลครูและบุคลากร ข้อมูลงบประมาณ ข้อมูลสภาพชุมชนโดยรวม เป็นต้น
3.2.2 การตอบคำถามข้อ 1 มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษามีระดับคุณภาพใด ให้ระบุระดับคุณภาพของสถานศึกษา นำเสนอทั้งรายด้าน จำนวน 3 มาตรฐาน และภาพรวมของสถานศึกษา ซึ่งระดับคุณภาพจะประกอบไปด้วย 5 ระดับ คือ ระดับกำลังพัฒนา ระดับปานกลาง ระดับดี ระดับดีเลิศ และระดับยอดเยี่ยม
3.2.3 การตอบคำถามข้อ 2 ข้อมูล หลักฐาน ร่องรอยและเอกสารเชิงประจักษ์สนับสนุนมีอะไรบ้าง ให้เน้นนำเสนอข้อมูล หลักฐานการประเมินเชิงประจักษ์ที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามสภาพจริงของสถานศึกษา โดยเลือกใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสมและสะท้อนคุณภาพการดำเนินงานตามมาตรฐานของสถานศึกษาได้อย่างชัดเจน ข้อมูลต้องมีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบผลการประเมินได้ตามสภาพบริบทของสถานศึกษานั้นๆ โดยข้อมูลที่นำเสนอในการตอบคำถามข้อ 2 นี้ ต้องครอบคลุมมาตรฐานของสถานศึกษาแต่ละด้านที่ได้กำหนดไว้อาจจำแนกเป็นรายด้าน เช่น
(1) ด้านคุณภาพของผู้เรียน ข้อมูลที่นำเสนอทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพควบคู่กัน สะท้อนถึงคุณภาพและการผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET, NT) ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่าน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ความสามารถของผู้เรียนในการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ จำนวนหรือร้อยละของผู้เรียนที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรในระดับดีขึ้นไป จำนวนและร้อยละของผู้เรียนมีสุขภาพที่ดี (สะท้อนคุณภาพและความสามารถของผู้เรียนที่เกิดจากกระบวนการบริหารจัดการและจัดการเรียนการสอน) เป็นต้น
(2) ด้านกระบวนการบริหารและการจัดการ ข้อมูลที่นำเสนอทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพควบคู่กัน เช่น ผลการประเมินสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษา ข้อมูลการบริหารจัดการของสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลจำนวนผู้ปกครองนักเรียนที่รับทราบข่าวสารจากสถานศึกษา ระดับความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการดำเนินงานของสถานศึกษา ข้อมูลการมีส่วนร่วมทางการศึกษาของชุมชนและสังคม เป็นต้น
(3) ด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ข้อมูลที่นำเสนอทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพควบคู่กัน เช่น จำนวนและร้อยละของผู้สอนมีการประเมินสมรรถนะในระดับดีขึ้นไป ข้อมูลจำนวนผู้สอนที่สอนตรงตามวุฒิการศึกษาและมีภาระงานที่เหมาะสม ข้อมูลผู้สอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ในระดับดีขึ้นไป ข้อมูลผู้สอนที่มีความสามารถและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศในการจัดการเรียนรู้ในระดับดีขึ้นไป ข้อมูลความสามารถของครูในการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ข้อมูลผู้สอนที่ใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย คุณภาพของสถานศึกษาในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ทำให้ผู้เรียนค้นพบความถนัด รู้จักอาชีพ และแนวทางการศึกษาต่อ เป็นต้น
3.2.4 การตอบคำถามข้อ 3 แผนงาน โครงการ แนวทางพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม (อย่างน้อย 1 ระดับ) หรือคงสภาพ อย่างไร โดยสถานศึกษานำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา การพัฒนาคุณภาพ เพื่อยกระดับให้สูงขึ้น สถานศึกษาอาจนำเสนอแผนงาน/โครงการที่จะพัฒนาออกเป็นด้านต่าง ๆ ตามความสามารถที่จะดำเนินการได้ เช่น แผนงาน/โครงการพัฒนาด้านคุณภาพผู้เรียน ด้านการพัฒนาคุณภาพครูในเรื่องต่าง ๆ ด้านการพัฒนาอาคารสถานที่และสภาพแวดล้อม ด้านการพัฒนาระบบบริหารจัดการของสถานศึกษา เป็นต้น
เนื้อหาการประเมินตนเองในส่วนที่สองนี้ควรมีความยาวไม่เกิน 30 หน้า ให้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับสภาพบริบทของสถานศึกษาแต่ละแห่ง นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถนำเสนอข้อมูลอื่น ๆ มาเสนอในภาคผนวกได้เช่นกัน แต่ข้อมูลที่นำเสนอในภาคผนวกจะต้องเป็นข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นเท่านั้น เพื่อไม่ให้การจัดทำเอกสารมีจำนวนมากและเป็นภาระในการดำเนินการ (ไม่ควรนำเสนอข้อมูลเหล่านี้มาไว้ในภาคผนวก เช่น ภาพถ่ายกิจกรรม การแสดง ภาพนิทรรศการ ภาพโล่รางวัล เกียรติบัตร เพราะมีการเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ในรูปแบบของสารสนเทศอื่นๆ อยู่แล้ว)

4.สถานศึกษาควรจัดส่งรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2563 ให้แก่หน่วยงานต้นสังกัดก่อนวันเปิดภาคเรียน ประจำปีการศึกษา 2564 เพื่อหน่วยงานต้นสังกัดจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการวางแผน พัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา และใช้เป็นข้อมูลสำหรับรายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิษณุ ผอ.สทศ.

https://bet.obec.go.th/New2020/

องค์กรครู คาใจ รัฐบาล ! จี้แก้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาชาติฯ

0

องค์กรครูคาใจรัฐบาล !!! จี้แก้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาชาติฯ

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นายธนชน มุทาพร ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…ที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วนั้น ที่ผ่านมากลุ่มเครือข่ายองค์กรครูทั่วประเทศคัดค้าน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ อย่างรุนแรง จนทำให้ท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับฟังข้อเรียกร้องและมอบหมายให้ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่มิได้มีตัวแทนของเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูไทย (ค.อ.ท.) เข้าร่วมประชุมรับฟังข้อเรียกร้องแต่อย่างใด โดยการประชุมในวันนั้นทราบว่า ได้ข้อสรุปเพื่อให้กฤษฎีกาไปแก้ไข 4 ประเด็นหลักประกอบด้วย

1.ให้ใช้ใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพครู เช่นเดิม

2.ให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงและเป็นวิชาชีพควบคุม

3.ให้เปลี่ยนตำแหน่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษา

4.ให้ปรับปรุงโครงสร้างเพื่อรองรับการกระจายอำนาจ แต่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กลับส่งไปให้กฤษฎีกาแก้ไขเพียง 3 ข้อแรกเท่านั้น โดยไม่นำเสนอข้อที่ 4 แต่อย่างใด จึงเป็นที่สงสัย คลางแคลงใจอย่างยิ่งว่า ทำไมจึงไม่ส่งประเด็นนี้ไป และนายกรัฐมนตรีได้ทราบข้อเสนอนี้จากที่ประชุมหรือไม่

ประธานชมรม ผอ.สพท.แห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้องค์กรครูทั่วประเทศต่างไม่เห็นด้วยกับโครงสร้างการรวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลางทั้งในมาตรา 106 ที่ให้อำนาจปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชา การให้อำนาจกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ชี้นำแทรกแซงรัฐสภาในการออกกฎหมายระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และสาระบัญญัติของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่มีมาตราใดที่กล่าวถึงหน่วยงานการศึกษาระดับจังหวัดและเขตพื้นที่การศึกษาแต่อย่างใด แต่กลับกล่าวถึงผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีอำนาจจัดการประชุมประธานคณะกรรมการสถานศึกษา แทนที่จะเป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยงานการศึกษาในระดับจังหวัดโดยตรงเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงเป็นที่คลางแคลงใจอย่างยิ่งว่าโครงสร้าง ศธ.ในระดับจังหวัดหรือเขตพื้นที่การศึกษาจะมีหรือไม่หรือจะให้ปลัด ศธ.มอบอำนาจการบังคับบัญชาครูให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เกิดการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จเข้าสู่โครงสร้างอำนาจนิยมมากยิ่งขึ้น

ซึ่งโครงสร้างอำนาจลักษณะดังกล่าวนี้เป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจให้สถานศึกษามีอิสระในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการบริหารแบบ single comand ซึ่งไม่เหมาะกับ ศธ.ที่เป็นกระทรวงสร้างคนให้มีปัญญา มีความเป็นอิสระสร้างสรร โดยไม่ควรใช้อำนาจใดมากดทับความคิด และความอิสระของหน่วยงานการศึกษาทุกระดับ

นายธนชน กล่าวต่อไปว่า การมีหน่วยงานการศึกษาในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะเขตพื้นที่การศึกษา ยังมีความจำเป็น เพราะจะเป็นโซ่ข้อกลาง คอยประสาน ส่งเสริม สนับสนุน ติดตาม การนำนโยบายสู่การปฏิบัติ ของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นรวมทั้งในมาตรา 88 และมาตรา 93 ทีบัญญัติถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ และอำนาจหน้าที่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการรวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลางอย่างชัดเจน ที่คณะกรรมการฯรับผิดชอบในการกำหนดกฎเกณฑ์ระเบียบ และแนวปฏิบัติ ต่างๆ ตั้งแต่ไม้จิ้มฟัน ยันเรือรบ โดยไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าไปมีส่วนร่วมแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่จะต้องแก้ไขให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เช่นการไม่กำหนดให้มีผู้บริหารการศึกษา การไม่ชัดเจนของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนั้นหมายถึงหน่วยงานใด การกำหนดเป้าหมายตามมาตรา 8 ให้ครูและนักเรียนปฎิบัติตายตัวมากเกินไปโดยไม่ยืดหยุ่น การให้ผู้บริหารสถานศึกษาจัดให้ครูมีลักษณะเฉพาะตามมาตรา 8 จนยากที่จะปฎิบัติได้ การเอื้อให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดการศึกษาเกินความเหมาะสมมากเกินไป ซึ่งเป็นการผลักภาระให้กับผู้ปกครองเสียค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าเล่าเรียนให้บุตรหลานเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาล และรัฐสภา ได้โปรดพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนี้ด้วยความรอบคอบ โดยยอมรับฟังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงให้มาก ซึ่งหาก พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ออกมาโดยไม่แก้ไข มาตรา 106 มาตรา 88 และมาตรา 93 ท่านอาจจะไม่มีโอกาสกลับมาในรัฐสภาอันทรงเกียรติต่อไปอีกก็ได้.

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณ องค์กรครู คาใจ รัฐบาล ! จี้แก้ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาชาติฯ จากAt_HeaR

ปพ.3 ออนไลน์ การดำเนินงานการรายงาน ตรวจสอบ และการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ประจำปีการศึกษา 2563

ปพ.3 ออนไลน์ การดำเนินงานการรายงาน ตรวจสอบ และการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ประจำปีการศึกษา 2563

2 มิ.ย.64
หนังสือ สพฐ.ด่วนมาก ที่ ศธ 04004/ ว 665 ลงวันที่ 31 พ.ค.64

เรื่อง การดำเนินงานการรายงาน ตรวจสอบ และการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ประจำปีการศึกษา 2563

1.สทศ.สพฐ. ได้ดำเนินการพัฒนาระบบการรายงาน ตรวจสอบ และจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ เพื่อช่วยลดปัญหาในการจัดทำแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบและแนวปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการ
#ระบบการรายงาน ตรวจสอบ และจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อ

-อำนวยความสะดวกในการตรวจสอบความถูกต้องของการจัดทำข้อมูลและรูปแบบทั้งหมดในการจัดทำแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาให้เป็นไปตามประกาศ และแนวปฏิบัติที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
-ข้อมูลที่จัดทำจะมีความถูกต้องและถูกจัดเก็บเข้าคลังในรูปแบบข้อมูลดิจิตัล และไฟล์สแกนภาพ pdf ซึ่งเป็นการเอื้ออำนวยต่อการสืบค้นในการบริการตรวจสอบวุฒิการศึกษา และออกเอกสารสำคัญทางการศึกษาแก่หน่วยงานหรือองค์กรภายนอก
-เพิ่มระบบความปลอดภัยป้องกันความสูญหายของเอกสารสำคัญทางการศึกษา รองรับการเชื่อมโยงการตรวจสอบและจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
-ลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการตรวจสอบข้อมูล สามารถบูรณาการข้อมูลสารสนเทศผู้สำเร็จการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจากคลังข้อสอบ เพื่อเชื่อมโยงระบบสารสนเทศขนาดใหญ่ (Big Data) ได้

#สทศ.ได้มีการจัดประชุมขยายผลการใช้งานระบบการรายงาน ตรวจสอบ และจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ให้แก่บุคลากรจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในรูปแบบการประชุมออนไลน์ผ่านระบบ application zoom ระหว่างวันที่ 24 – 25 พฤษภาคม 2564

2. เนื่องจากการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) ตามที่กำหนดในแนวปฏิบัติการจัดทำแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) กำหนดให้สถานศึกษาระดับประถมศึกษา จัดทำครั้งละ 2 ชุด เก็บรักษาไว้ที่สถานศึกษา 1 ชุด และส่งเก็บรักษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด 1 ชุด สำหรับระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ให้จัดทำครั้งละ 3 ชุด เก็บรักษาไว้ที่สถานศึกษา 1 ชุด ส่งเก็บรักษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด 1 ชุด และส่งเก็บรักษาที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ 1 ชุด ภายในเวลา 30 วัน นับจากวันอนุมัติการจบการศึกษา โดยจะต้องเก็บรักษาแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ. 3) ให้ปลอดภัยตลอดไปอย่าให้ชำรุดเสียหาย หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลได้

#ในปีการศึกษา 2563 สพฐ.ได้มีหนังสือ ด่วนมาก ที่ ศธ 04010/ว37 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติการนับเวลาเรียน การสอนชดเชย การอนุมัติการจบการศึกษา และการจัดทำระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ. 1) ปีการศึกษา 2563 ลงวันที่ 7 มกราคม 2564 แจ้งกำหนดวันอนุมัติการจบการศึกษาภายในวันที่ 9 เมษายน 2564 และอนุมัติการจบการศึกษาสำหรับกรณีนักเรียนที่มีผลการเรียนไม่สมบูรณ์ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2564 จึงมีสถานศึกษาบางแห่งได้จัดส่งแบบรายงานผู้สำเร็จการการศึกษาประจำการศึกษา 2564 มาเพื่อจัดเก็บ ณ สทศ. สพฐ. แล้ว

#ดังนั้น เพื่อให้การรายงาน ตรวจสอบ และการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ประจำปีการศึกษา 2563 ดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การจัดส่งข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ สทศ.จึงขอแจ้งแนวทางและปฏิทินการดำเนินการให้เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาทราบและดำเนินการ ดังนี้

2.1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ขยายผลและฝึกปฏิบัติการใช้ระบบให้แก่สถานศึกษาในสังกัด โดยดำเนินการ ดังนี้ (1) แจ้งสถานศึกษาลงทะเบียนผู้ใช้งานระบบ (2) ให้สถานศึกษาจัดเตรียมข้อมูลเพื่อทดลองใช้ระบบ โดยการนำข้อมูลการรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) ระดับมัธยมศึกษา (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6) ประจำปีการศึกษา 2563 ในรูปแบบ excel ตามที่กำหนด ระหว่างวันที่ 1 – 30 มิถุนายน 2564

2.2 สถานศึกษานำไฟล์ excel ที่บันทึกข้อมูลนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6) ประจำปีการศึกษา 2563 จริง เข้าสู่ระบบ ระหว่างวันที่ 1 – 9 กรกฎาคม 2564

2.3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลของสถานศึกษาภายในสังกัด ระหว่างวันที่ 9 – 23 กรกฎาคม 2564

2.4 สพฐ.ตรวจสอบ และรับรองข้อมูล excel ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษสถานศึกษาพิมพ์ ปพ.3 จากระบบ เสนอผู้มีอำนาจตามคำสั่งลงนาม และสแกนไฟล์ ปพ.3 ที่ลงนามเรียบร้อย เป็น pdf จัดส่งเข้าระบบเพื่อจัดเก็บในระบบ ปพ. 3 ออนไลน์ ระหว่างวันที่ 23 – 31 กรกฎาคม 2564

ในกรณีที่สถานศึกษาใดได้จัดทำและจัดส่งแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) ประจำปีการศึกษา 2563 ไปยัง สพฐ.แล้ว ขอให้ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งระบบจะช่วยตรวจสอบและทำให้ทราบว่าแบบรายงานที่จัดส่งมายัง สพฐ.นั้น ถูกต้องตามระเบียบและแนวปฏิบัติหรือมีข้อผิดพลาดตรงไหนได้ในทันที
หากผลการตรวจสอบโดยระบบ ปรากฏว่าข้อมูลที่สถานศึกษาจัดทำมีข้อผิดพลาด ขอให้แจ้งรายชื่อสถานศึกษามายัง สพฐ. เพื่อจัดส่งแบบรายงานกลับไปให้สถานศึกษาแก้ไขให้ถูกต้องและจัดส่งข้อมูลที่ถูกต้องเข้าระบบ ปพ.3 ออนไลน์ใหม่อีกครั้งต่อไป

ปพ.3 ออนไลน์ การดำเนินงานการรายงาน ตรวจสอบ และการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ประจำปีการศึกษา 2563

 

ปพ.3 ออนไลน์ การดำเนินงานการรายงาน ตรวจสอบ และการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ประจำปีการศึกษา 2563

ปพ.3 ออนไลน์ การดำเนินงานการรายงาน ตรวจสอบ และการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ประจำปีการศึกษา 2563

ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูล ปพ.3 ออนไลน์ การดำเนินงานการรายงาน ตรวจสอบ และการจัดเก็บแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ.3) แบบออนไลน์ ประจำปีการศึกษา 2563 จาก วิษณุ ผอ.สทศ.