มาแล้ว!! ปฏิทินการดำเนินงาน การจัดซื้อหนังสือเรียน และ แนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปีงบประมาณ 2565

มาแล้ว!! ปฏิทินการดำเนินงาน การจัดซื้อหนังสือเรียน และ แนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปีงบประมาณ 2565

ปฏิทินการดำเนินงาน การจัดซื้อหนังสือเรียน และ แนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปีงบประมาณ 2565

สวัสดีครับทุกท่านวันนี้เว็บไซต์ครูอัพเดตดอทคอมมีเรื่องราวดีดีมานำเสนอทุกท่านเช่นเคยครับ โดยวันนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับปฏิทินการดำเนินงาน การจัดซื้อหนังสือเรียน ปีงบประมาณ 2565 มาฝากครับ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ปฏิทินการดําเนินงานเกี่ยวกับการเลือก การใช้ และการจัดซื้อหนังสือเรียน ตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

ดาวน์โหลดไฟล์ปฏิทินการดำเนินงาน การจัดซื้อหนังสือเรียน ปีงบประมาณ 2565

ปฏิทินการดำเนินงาน การจัดซื้อหนังสือเรียน และ แนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปีงบประมาณ 2565

ดาวน์โหลดแนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปี 2565

แนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปีงบประมาณ 2565

สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้จัดทําแนวทางการดําเนินงานโครงการสนับสนุน ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และสถานศึกษาสังกัดสํานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ได้ใช้เป็นแนวทางในการดําเนินงาน ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เกิดความคุ้มค่า ประหยัดโปร่งใส เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนและทางราชการสูงสุด

การจัดทําแนวทางการดําเนินงานโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาล จนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๕ มีแนวคิดและหลักการในการดําเนินการ ดังนี้

๑. ยึดหลักการแนวทางการดําเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นแนวทางหลักและปรับปรุง แนวทางการดําเนินงานจากการระดมความคิดเห็น ผลการติดตาม ตรวจสอบ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔

๒. สนองตอบต่อนโยบายของคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี การปฏิรูป กระบวนการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย เพื่อให้คนไทยมีการศึกษาและการเรียนรู้ โดยให้ความสําคัญทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษาทางเลือกไปพร้อมกัน สร้างคุณภาพของคนไทยให้สามารถ เรียนรู้พัฒนาตนได้เต็มตามศักยภาพ ประกอบอาชีพและการดํารงชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑ โดยมีความใฝ่รู้และมีทักษะ ที่เหมาะสม เป็นคนดี มีคุณธรรม สร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ โดยมีการเรียนรู้เพื่อสร้างสัมมาชีพในพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ําและสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ และพัฒนากําลังคน ให้เป็นที่ต้องการเหมาะสมกับพื้นที่ ส่งเสริมให้ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไปมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบ การศึกษาในพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการได้กําหนดนโยบายโดยคาดหวังว่า ผู้เรียนทุกช่วงวัยจะได้รับการพัฒนาในทุกมิติ เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ และมีความพร้อมร่วมขับเคลื่อน การพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

๓. แนวทางการดําเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นแนวทางการดําเนินงานที่สามารถใช้ร่วมกัน สําหรับสถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สาระสําคัญ ของแนวทางการดําเนินงานโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย ความเป็นมา วัตถุประสงค์ สาระสําคัญของนโยบาย วิสัยทัศน์ เป้าหมาย ตัวชีวัด งบประมาณ เกณฑ์การจัดสรรและแนวทางการดําเนินงาน ปฏิทินการดําเนินงาน ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลดไฟล์ปฏิทินการดำเนินงาน การจัดซื้อหนังสือเรียน ปีงบประมาณ 2565

ดาวน์โหลดแนวทางการจัดซื้อหนังสือเรียนและแบบฝึกหัด ปี 2565

ขอบคุณเนื้อหาจาก กลุ่มพัฒนาสื่อการเรียนรู้ สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม เว็บไซต์ ดาวน์โหลดเกียรติบัตร MOE Safety Platform แบบทดสอบออนไลน์ 15 กุมภาพันธ์ 2565

14 ก.พ.นี้ เปิดตัวโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ ให้ครูไทย” ให้ครูทั่วประเทศลงทะเบียนแสดงความจำนงให้ ศธ.เป็นตัวกลางช่วยครูไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาหนี้สิน

0

14 ก.พ.นี้ เปิดตัวโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ ให้ครูไทย” ให้ครูทั่วประเทศลงทะเบียนแสดงความจำนงให้ ศธ.เป็นตัวกลางช่วยครูไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาหนี้สิน

14 ก.พ.นี้ เปิดตัวโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ ให้ครูไทย”

นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ. และประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู 14 ก.พ.นี้ เปิดตัวโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ ให้ครูไทย” ให้ครูทั่วประเทศลงทะเบียนแสดงความจำนงให้ ศธ.เป็นตัวกลางช่วยครูไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาหนี้สิน ทั้ง 6 แนวทาง “ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ – refinance – ปรับลดค่าธรรมเนียมประกัน – ปรับปรุงโครงสร้างหนี้หักเงินเดือน – ปรับปรุงโครงสร้างหนี้เกษียณอายุ – ไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้” ลงทะเบียนได้จนถึง 14 มี.ค. 65

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู : http://td.moe.go.th/app/main/

ที่ปรึกษา รมว.ศธ. กล่าวว่า นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้เรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญลำดับต้น ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นับตั้งแต่มีแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้เมื่อ 16 สิงหาคม 2564 คณะกรรมการฯ ได้ทำงานอย่างหนัก เพราะตระหนักถึงปัญหาที่ครูทั่วประเทศกำลังเผชิญอยู่และความจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข ท่านที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาที่ website ของ ศธ. (www.moe.go.th) หรือลิงก์ และเป็นที่น่ายินดีว่าแผนการดำเนินงานหลายเรื่องคืบหน้าไปได้ด้วยดี เริ่มเห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรมที่สำคัญ

และเป็นที่น่ายินดีว่าแผนการดำเนินงานหลายเรื่องคืบหน้าไปได้ด้วยดี เริ่มเห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม อาทิ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกว่า 70 แห่ง ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนครู การนำรายได้ในอนาคตของครูมาใช้ประกันการกู้ยืม ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ครูต้องซื้อประกันทั้งระบบรวมปีละนับหมื่นล้านบาท การยกระดับระบบสินเชื่อสวัสดิการหักเงินเดือนที่จะช่วยแก้ปัญหาครูมีเงินเดือนหลังจากจ่ายหนี้ไม่ถึงร้อยละ 30 ไม่พอใช้ดำรงชีพ ปัญหาการกู้เกินศักยภาพ และปัญหาที่เงินที่ชำระหนี้ถูกนำไปตัดเงินต้นน้อย ส่วนใหญ่นำไปจ่ายดอกเบี้ย อีกทั้งกระทรวงศึกษาธิการในฐานะนายจ้างที่จะเข้ามาเป็นคนกลางช่วยครูไกล่เกลี่ยและแก้ปัญหาหนี้สิน

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู : http://rd.moe.go.th/app/main/

ทั้งนี้ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ศธ. จะเปิดตัวโครงการ “สร้างโอกาสใหม่ ให้ครูไทย” ให้ครูทั่วประเทศลงทะเบียนแสดงความจำนงที่จะให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นตัวกลางในการที่จะช่วยครูไกล่เกลี่ยแก้ไขปัญหาหนี้สินในมิติต่าง ๆ คือ

1. การขอปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลดลง ให้สอดคล้องกับสินเชื่อสวัสดิการหักเงินเดือนที่ความเสี่ยงต่ำ
2. ต้องการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อไป refinance สินเชื่อดอกเบี้ยสูง เพื่อลดภาระ
3. การขอปรับลดค่าธรรมเนียมประกันที่ไม่มีความจำเป็นให้ลดลง
4. การปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อให้เงินเดือนเหลือไม่น้อยกว่า 30% หรือ 9,000 บาท เพื่อใช้ดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี
5. การปรับปรุงโครงสร้างหนี้เพื่อเตรียมเกษียณอายุ หรือกรณีที่เกษียณแล้วมีภาระที่จะต้องจ่ายหนี้นานหลายปี
6. การไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินกรณีที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีแล้ว ทั้งกรณีผู้กู้ และผู้ค้ำประกัน

ดาวน์โหลดเอกสารแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู คลิกที่นี่

จึงฝากประชาสัมพันธ์ให้ครูศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจากเอกสารโดยละเอียด หากท่านที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อแสดงเจตจำนงให้ ศธ. เข้าไปเป็นคนกลางช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินในประเด็นต่าง ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 1 เดือน จนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2565 ที่ http://www.moe.go.th

ขอบคุณเนื้อหาจาก ศธ.360องศา

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู  เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ 14 ก.พ. 2565 โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู”สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย”

ประชาสัมพันธ์ คู่มือดูแลสุขภาพใจสำหรับครูผู้สอน เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน ให้กับผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา

ประชาสัมพันธ์ คู่มือดูแลสุขภาพใจสำหรับครูผู้สอน ให้กับผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา

ประชาสัมพันธ์ คู่มือดูแลสุขภาพใจฉบับครูผู้สอน เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน

คู่มือดูแลสุขภาพใจฉบับครูผู้สอน เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน

ครูเป็นบุคคลสําคัญในการช่วยดูแลสุขภาวะทางใจของเด็กผู้เรียน คําพูดที่ ครูเลือกใช้ วิธีการสอน และบรรยากาศที่สร้างขึ้นในห้องเรียน ล้วนเป็นตัวช่วย เพื่อผลักดันและส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กและเยาวชนในการใช้ขีดความสามารถ ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่รู้หรือไม่ว่าตัวคุณในฐานะครู ก็สามารถ ทําหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการเสริมสร้างสุขภาวะทางใจที่ดีให้ผู้เรียนได้เช่นกัน

ดาวน์โหลดคู่มือดูแลสุขภาพใจฉบับครูผู้สอน เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน คลิกที่นี่

คู่มือดูแลสุขภาพใจฉบับครูผู้สอน เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน

สุขภาวะทางใจที่ดีเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความยืดหยุ่น สามารถแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีสติ และครูคือบุคคลสำคัญในการช่วยดูแลและเสริมสร้างสุขภาวะทางใจของเด็กผู้เรียน ลองพลิกอ่านคู่มือเล่มนี้ที่เพียบพร้อมไปด้วยขั้นตอนและกิจกรรมที่เรียบง่ายและนำไปปรับใช้ได้ในชั้นเรียนให้เหมาะสมกับวัยและความสามารถของเด็กได้เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน

คู่มือดูแลสุขภาพใจฉบับครูผู้สอน เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน คลิกที่นี่

คู่มือดูแลสุขภาพใจฉบับครูผู้สอน เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน

สุขภาพใจที่ดีเป็นส่วนสําคัญในการมอบการศึกษาที่มีคุณภาพและเป็นการ นําทางไปสู่ผลการเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น ผู้เรียนที่มีความสุขและมีจิตใจมั่นคงจะ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถตั้งสมาธิกับการศึกษาหาความรู้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพกว่า สุขภาวะทางใจที่ดียังจะช่วยให้พวกเขาสร้างสาย สัมพันธ์เชิงบวกได้ และช่วยให้มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่สมบูรณ์แข็งแรง

คู่มือดูแลสุขภาพใจฉบับครูผู้สอน เพื่อสุขภาพใจที่ดีของเด็กทุกคน

บรรยากาศห้องเรียนที่มีความสุขสามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้เรียนจากหน้ามือ เป็นหลังมือได้! และคุณในฐานะครูผู้สอนสามารถนําข้อปฏิบัติที่เรียบง่ายและ ทําได้จริงเหล่านี้ มาปรับใช้ในห้องเรียน เพื่อเป็นหลักสูตรการสอนเพื่อให้เกิด ความเข้าใจถึงจิตใจของตนเองให้กับผู้เรียนของคุณ โดยดัดแปลงกิจกรรม ให้เข้ากับวัย และความสามารถของผู้เรียน เพื่อให้ทุกคนในชั้นเรียนมีส่วนร่วม ได้อย่างเต็มที่

ขอบคุณเนื้อหาจาก กระทรวงศึกษาธิการ

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม 10 กิจกรรมตลาดนัดวังจันทรเกษม ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วงจันทร์เกษม เฟส 2 เปิดลงทะเบียนทุกกิจกรรมแล้ว ตลาดนัดวังจันทรเกษม

10 กิจกรรมตลาดนัดวังจันทรเกษม ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วงจันทร์เกษม เฟส 2 เปิดลงทะเบียนทุกกิจกรรมแล้ว ตลาดนัดวังจันทรเกษม

0

10 กิจกรรมตลาดนัดวังจันทรเกษม ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วงจันทร์เกษม เฟส 2 เปิดลงทะเบียนทุกกิจกรรมแล้ว ตลาดนัดวังจันทรเกษม

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยกระบวนการ Active Learning ผ่านระบบออนไลน์ “ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม” ครั้งที่ 2

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วยกระบวนการ Active Learning ผ่านระบบออนไลน์ “ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม” ครั้งที่ 2

ลงทะเบียนตลาดนัดวังจันทร์เกษม

จากผลความสำเร็จของโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ “ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม” ครั้งที่ 1 ในปี 2564 ซึ่งมีการจัดการอบรมให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 10 กิจกรรม โดยวิธีการถ่ายทอดสดผ่านระบบ Microsoft Teams จากกระทรวงศึกษาธิการ ระหว่างวันที่ 6 สิงหาคม ถึงวันที่ 14 กันยายน 2564 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวนทั้งสิ้น 539,584 คน พบว่าผู้เข้ารับการอบรม มีความพึงพอใจสูงสุด ในกิจกรรมศึกษาสื่อสารผ่านบทเพลง และกิจกรรม Active Learning สูงสุด และจากการประชุมสรุปผลการดำเนินงานโครงการตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม ร่วมกันระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานศึกษาการจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 ได้ร่วมกันการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในการดำเนินงานในครั้งที่มา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเสนอขอให้มีการจัดโครงการตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม ครั้งที่ 2 ตามความต้องการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จึงจัดให้มีโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ “ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม” ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงสถานศึกษา ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ให้มีความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนด้วยระบบออนไลน์ตามสภาพการณ์ที่เหมาะสมต่อไป

ลิงก์ลงทะเบียน ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วงจันทร์เกษม เฟส 2 ทั้ง 10 กิจกรรมตลาดนัดวังจันทรเกษม คลิกที่นี่

ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วงจันทร์เกษม เฟส 2

10 กิจกรรมตลาดนัดวังจันทรเกษม ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วงจันทร์เกษม เฟส 2 เปิดลงทะเบียนทุกกิจกรรมแล้ว

ลิงก์ลงทะเบียน ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วงจันทร์เกษม เฟส 2 ทั้ง 10 กิจกรรมตลาดนัดวังจันทรเกษม คลิกที่นี่

หลักสูตร คุณธรรมสร้างสุขสำหรับครูสู่ผู้เรียน
โดย พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี)ปราชญ์ร่วมสมัย นักคิดนักเขียน.
พฤหัสบดี 3 มีนาคม 2565 09.00 – 12.00 น.

หลักสูตร การสร้างวินัยสู่ความเป็นเลิศทางกีฬาของเยาวชนไทย
โดย ดร.ยอง ซอก ชเว (โค้ชเช)เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (น้องเทนนิส จอมเตะสาวเจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2020) วิทยากรกิตติมศักดิ์ อธิบดีกรมพลศึกษา (นายนิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์)
พฤหัสบดี 10 มีนาคม 2565 09.00 – 12.00 น.

หลักสูตร เปิดโลกการศึกษาไร้ขีดจำกัดในยุคจักรวาลนฤมิต
โดย 1. ศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญนันท์ นิลสุข มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และคณะจากสมาคมเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา 2. ศาสตราจารย์ ดร.จินตวีร์ คล้ายสังข์ ผศ.ดร.พรพิมล ศุขะวาที รศ.ดร.ประกอบ กรณีกิจ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3. บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย จำกัด
พฤหัสบดี 17 มีนาคม 2565 09.00 – 12.00 น.

หลักสูตร ค่านิยมที่ดีงามของเด็กและเยาวชน
โดย พระราชธรรมนิเทศ (พระพยอม กลฺยาโณ) พระราชาคณะชั้นราช นักเทศน์ และนักสังคมสงเคราะห์ ชาวนนทบุรี ผู้ก่อตั้งมูลนิธิสวนแก้ว
พฤหัสบดี 24 มีนาคม 2565 09.00 – 12.00 น.

หลักสูตร คุณค่าทางวัฒนธรรมในความงดงามของชีวิต
โดย นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กวีรางวัลซีไรต์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปีพุทธศักราช 2536
อังคาร 5 เมษายน 2565 13.00 – 16.30 น.

หลักสูตร จำอวดหน้าวัง (จันทรเกษม) “ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน รากฐานการศึกษา สุนทรียภาพทางปัญญาคุณค่ามรดกแผ่นดิน”
โดย น้าโย่ง น้านงค์ น้าพวง “สามน้า” นายพิเชษฐ์ เอี่ยมชาวนา (น้าโย่ง) นายจำนงค์ ปิยะโชติ (น้านงค์) นายพวง แก้วประเสริฐ (น้าพวง)
อังคาร 19 เมษายน 2565 09.00 – 12.00 น.

หลักสูตร สื่อยุคใหม่ การศึกษาออนไลน์
โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจํานงค์ : ผู้อำนวยการ สสวท. ดร.พรชัย อินทร์ฉาย : รองผู้อำนวยการ สสวท. ดร.เขมวดี พงศานนท์ : ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร เครือข่ายและพัฒนาครู ดร.อลงกรณ์ ตั้งสงวนธรรม : ผู้อำนวยการสาขา คณิตศาสตร์มัธยม อาจารย์ ฤทัย เพลงวัฒนา : ผู้อำนวยการสาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก และคณะ นักวิชาการ สสวท.
เสาร์ 23 เมษายน 2565 09.00 – 16.30 น.

หลักสูตร การสอนให้สนุกจากครูที่มีประสบการณ์
โดย นางธมลวรรณ สุดใจ (คุณครูมัดซี นาบอน) นางสาวจีรภัทร์ สุกางโฮง (คุณครูนกเล็ก) และ นายชินวุฒิ รัชตะนาวิน (คุณครูชิน)
อังคาร 26 เมษายน 2565 09.00 – 12.00 น.

หลักสูตร หลักการปฏิบัติราชการ
โดย ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม (ราชบัณฑิตสยาม)
ศุกร์ 29 เมษายน 2565 13.00 – 16.30 น.

หลักสูตร Active Learning
โดย Mr.Andrew Biggs (คุณแอนดรูว์ บิ๊กส์) Mr.Edelmiro Domingo Jr. (คุณเอ็ดดี้) Mr.Isaiah Azulai (คุณลี)
พฤหัสบดี 5 พฤษภาคม 2565 09.00 – 12.00 น.

ลิงก์ลงทะเบียน ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วงจันทร์เกษม เฟส 2 ทั้ง 10 กิจกรรมตลาดนัดวังจันทรเกษม คลิกที่นี่

ขอบคุณเนื้อหาจาก กระทรวงศึกษาธิการ

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม

>>ตลาดนัดวังจันทรเกษม ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม ครั้งที่ 2 ปี 2565 รับเกียรติบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการ

>> วิธีลงทะเบียน ตลาดนัดวังจันทรเกษม หลักสูตรที่ 2 ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม ครั้งที่ 2 ปี 2565

 

 

เอกสารยื่นภาษี กบข. วิธีเช็กเอกสารยื่นภาษี สำหรับสมาชิก กบข. เช็กหลักฐานประกอบการยื่นภาษี

0

เอกสารยื่นภาษี กบข. วิธีเช็กเอกสารยื่นภาษี สำหรับสมาชิก กบข. เช็กหลักฐานประกอบการยื่นภาษี

เอกสารยื่นภาษี กบข. วิธีเช็กเอกสารยื่นภาษี สำหรับสมาชิก กบข. เช็กหลักฐานประกอบการยื่นภาษี

สมาชิก กบข. อย่าลืมเช็กหลักฐานประกอบการยื่นภาษีให้ครบตามลิสต์นี้ เพื่อความถูกต้องครบถ้วน และไม่พลาดสิทธิ์ในการขอรับเงินภาษีคืน
โดยสมาชิก กบข. สามารถดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินประจำปี 2564 เพื่อนำไปใช้ในการยื่นลดหย่อนภาษีได้จากช่องทางรับใบแจ้งยอด 5 ช่องทาง ดังต่อไปนี้

เอกสารยื่นภาษี กบข. วิธีเช็กเอกสารยื่นภาษี สำหรับสมาชิก กบข. เช็กหลักฐานประกอบการยื่นภาษี

เอกสาร ยื่นภาษี กบข. วิธีเช็กเอกสารยื่นภาษี สำหรับสมาชิก กบข. เช็กหลักฐานประกอบการยื่นภาษี 5 ช่องทาง

ช่องทางที่ 1 : My GPF Application
ผ่านเมนู “บัญชีของฉัน” และเลือก “ดาวน์โหลด / e-Statement” เอกสารยื่นภาษี กบข.

ช่องทางที่ 2 : My GPF Website
บนเว็บไซต์ http://mygpf.gpf.or.th หลังจากลงทะเบียนเข้าใช้งานแล้ว สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเอกสารใบแจ้งยอดผ่านเมนู “บัญชีของฉัน” และเลือก “ขอสำเนาใบแจ้งยอด”

ช่องทางที่ 3 : e-Mail
สำหรับสมาชิกที่แจ้งความประสงค์รับใบแจ้งยอดเงินผ่านอีเมล ใบแจ้งยอดจะถูกส่งไปที่อีเมลของสมาชิกตามข้อมูลการลงทะเบียน

ช่องทางที่ 4 : LINE กบข. @gpfcommunity (https://lin.ee/pg7w6hn)
โดยกดที่เมนู “ดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงิน”

ช่องทางที่ 5 : หน่วยงานต้นสังกัด
สำหรับสมาชิก ที่ขอรับใบแจ้งยอดในรูปแบบเอกสาร กบข. จะจัดส่งใบแจ้งยอดเงินผ่านหน่วยงานต้นสังกัด ในทุกปีจนกว่าจะมีการแสดงความประสงค์เปลี่ยนแปลงช่องทาง การรับเอกสารจากสมาชิก โดยสามารถติดตามใบแจ้งยอดเงินของท่านได้ที่หน่วยงานต้นสังกัด

ขอบคุณเนื้อหาจาก กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม หลักสูตรออนไลน์ โดย กบข. เรียนจบแล้วได้รับวุฒิบัตร หลักสูตร “เลือกแผนให้ได้ผลตอบแทนที่ถูกใจ ต้องเข้าใจสินทรัพย์ลงทุน” เรียนจบแล้วได้รับวุฒิบัตรจาก กบข.

จุดเน้น สพฐ. 2565 จุดเน้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ 2565

จุดเน้น สพฐ. 2565 เมื่อเร็วๆนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่องจุดเน้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ 2565 แจ้ง จุดเน้นสพฐ. 2565 ซึ่งมีรายละเอียดในหนังสือฉบับดังกล่าวดังนี้

จุดเน้น สพฐ. 2565 จุดเน้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ 2565

จุดเน้นของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

1. เร่งแก้ปัญหากลุ่มผู้เรียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss Recovery) ให้กับ ผู้เรียนทุกระดับ รวมทั้งลดความเครียดและสุขภาพจิตของผู้เรียน

2. เสริมสร้างระบบและกลไกในการดูแลความปลอดภัยนักเรียน ด้วยระบบมาตรฐาน ความปลอดภัย กระทรวงศึกษาธิการ (MOE Safety Platform)

3. ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยที่มีอายุ 3 – 5 ปี และผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าถึงโอกาสทางการศึกษา และป้องกันการหลุดออกจากระบบ รวมทั้งช่วยเหลือเด็กตกหล่น เด็กออกกลางคัน และเด็กพิการที่ค้นพบจากการปักหมุดบ้านเด็กพิการให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา

4. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาที่เน้นสมรรถนะและการจัดทํากรอบหลักสูตร รวมทั้ง จัดกระบวนการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ให้เหมาะสมตามวัยของผู้เรียน

5. จัดการอบรมครูโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน พร้อมกับการเสริมทักษะการสอนแบบออนไลน์ อย่างมีประสิทธิภาพ และการให้ความรู้ด้านการวางแผนและการสร้างวินัยด้านการเงินและการออม เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครู

6. ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ ผ่านกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม และมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่หลากหลายรูปแบบ (Active Learning) มีการวัด และประเมินผลในชั้นเรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน (Assessment for Learning) ทุกระดับ

7. ยกระดับคุณภาพของนักเรียนประจําพักนอน สําหรับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่สูง ห่างไกล และถิ่นทุรกันดาร

8. มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ทุกระดับ

9. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา โดยการกระจายอํานาจและใช้พื้นที่เป็นฐาน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง โดยการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณ (Block Grant) ตามหลักธรรมาภิบาล ให้กับ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

จุดเน้น สพฐ. 2565 จุดเน้นสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ 2565

ดาวน์โหลดไฟล์ : จุดเน้นสพฐ. ประจำปี พ.ศ. 2565

ขอบคุณที่มาจาก : สพฐ.

 

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู  เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ 14 ก.พ. 2565 โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู”สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย”

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู  เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ 14 ก.พ. 2565 โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู”สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย”

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู  เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ 14 ก.พ. 2565 

โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ”สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย”

นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ.ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดตั้งศูนย์แม่ข่ายสถานีแก้หนี้ครู โดยสถานีแก้หนี้ครูจะประจำอยู่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เพื่อคอยดูแลปัญหาหนี้ครูนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการในการแต่งตั้งคณะกรรมการสถานีแก้หนี้ครู โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะทำหน้าที่ช่วยไกล่เกลี่ย หรือให้คำปรึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ ให้กับผู้ที่มีความสนใจในพื้นที่นั้นๆ แต่หากในกรณีที่คณะกรรมการชุดนี้ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ เราก็จะตั้งคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินครูระดับจังหวัด ซึ่งจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้หากเป็นกรณีที่เป็นเรื่องใหญ่ และมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือหลายฝ่าย กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะประสานร่วมกับศาลยุติธรรม ขอให้ศูนย์ไกล่เกลี่ยหนี้ ช่วยเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหา กรณีที่มีการฟ้องร้อง

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู : http://td.moe.go.th/app/main/

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู 14 ก.พ. 2565 เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ 

เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ 14 ก.พ. 2565 โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ”สร้างโอกาสใหม่ให้ครูไทย”

ลงทะเบียนแก้หนี้ครู : http://td.moe.go.th/app/main/

ที่ปรึกษา รมว.ศธ. กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการอีก 1 ชุด ประจำอยู่ที่ สพท.เช่นกัน ทำหน้าที่พิจารณาและควบคุมการกู้เงินของครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่ให้กู้เงินเกินร้อยละ 70 ของเงินเดือน ดังนั้นต่อจากนี้คณะกรรมการชุดนี้ก็จะเข้ามาดูแลเรื่องการกู้เงินของครูและประสานข้อมูลร่วมกับสถาบันทางการเงินต่างๆ เพื่อที่จะทราบว่าผู้กู้แต่ละคน กู้ไปแล้วจำนวนเท่าไร และมีศักยภาพในการกู้เพิ่มเติมอีกเท่าไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำคำสั่งเพื่อตั้งคณะกรรมการดังกล่าว อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 ก.พ.นี้ เราจะเปิดโอกาสให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีความต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู สามารถลงทะเบียนขอเข้าร่วมการแก้ปัญหาหนี้สินครูได้ จากนั้นเราจะรวบรวมข้อมูลส่งให้แต่ละเขตพื้นที่ไปดำเนินการต่อไป

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู 14 ก.พ. 2565 เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ 

เรื่องราวน่าสนใจเพิ่มเติม เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ รมว.ศธ.ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดตั้งศูนย์แม่ข่ายสถานีแก้หนี้ครู

ขอบคุณเนื้อหาจาก ลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้สินครู

บทเรียนออนไลน์ พร้อมเกียรติบัตร การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 โดย ระบบ E-learning CME2 สำนักงานการศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2

0

บทเรียนออนไลน์ พร้อมเกียรติบัตร การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 โดย ระบบ E-learning CME2 สำนักงานการศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2

บทเรียนออนไลน์ พร้อมเกียรติบัตร การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 โดย ระบบ E-learning CME2 สำนักงานการศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2

ระบบ E-learning CME2 เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับพัฒนาตนเองในเรื่องเกี่ยวกับการเรียนการสอน มีหลักสูตรในด้านการศึกษา ของ สำนักงานการศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2 ที่มีหลากหลายหลักสูตรให้ผู้สนใจเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อนำองค์ความรู้มาดำเนินการจัดกระบวนการเรียนการสอนได้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น กระตุ้นการเรียนรู้ของผู้เรียน

E-learning CME2 - การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21

การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 หลักสูตรนี้ เป็นการให้ความรู้ เรื่อง การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 เพื่อใช้เป็นเทคนิคในการอ่านเพื่อทำความเข้าใจสามารถตอบโต้ได้ตรงประเด็น

การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21

บทเรียนออนไลน์ พร้อมเกียรติบัตร การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 เข้าเรียนบทเรียนออนไลน์ได้ที่นี่ >> ลิงก์เข้าเรียนออนไลน์ การสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21
ท่านใดที่เข้าเรียนบทเรียนออนไลน์ หลักสูตรการสอนเพื่อพัฒนาการคิดขั้นสูง ในศตวรรษที่ 21 เมื่อท่านได้เรียนรู้ จะมีแบบทดสอบให้ทำเมื่อผ่าน 70 % ท่านจะได้รับเกียรติบัตรผ่านหน้าหลักสูตรนี้ได้เลย

ลิงก์ทำแบบทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตร คลิกที่นี่

ปิดลิงก์ทำแบบทดสอบเพื่อรับเกียรติบัตรแล้ว
แนะนำให้ใช้ gmail.com หรือ E-mail องค์กร(G Suite ) กรอกก่อนทำแบบทดสอบนะครับ

เมื่อผ่าน 70 % ท่านจะได้รับเกียรติบัตรผ่านหน้าหลักสูตรนี้ได้เลย

ดาวน์โหลดเกียรติบัตรคลิกที่นี่ 

เกียรติบัตรผ่านการอบรม

ขอบคุณเนื้อหาจาก บทเรียนออนไลน์ สพป.เชียงใหม่ เขต 2

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม รวมหลักสูตร อบรมออนไลน์ฟรี โครงการพัฒนาศักยภาพข้าราชการครูและบุคลากร สายงานการสอนด้วย SET e-Learning

เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ รมว.ศธ.ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดตั้งศูนย์แม่ข่ายสถานีแก้หนี้ครู

เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้ รมว.ศธ.ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดตั้งศูนย์แม่ข่ายสถานีแก้หนี้ครู เคาะ 14 ก.พ. !!! เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้

เปิดให้ครูลงทะเบียนแก้หนี้

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู : http://td.moe.go.th/app/main/

นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ.ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดตั้งศูนย์แม่ข่ายสถานีแก้หนี้ครู โดยสถานีแก้หนี้ครูจะประจำอยู่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เพื่อคอยดูแลปัญหาหนี้ครูนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการในการแต่งตั้งคณะกรรมการสถานีแก้หนี้ครู โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะทำหน้าที่ช่วยไกล่เกลี่ย หรือให้คำปรึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ ให้กับผู้ที่มีความสนใจในพื้นที่นั้นๆ แต่หากในกรณีที่คณะกรรมการชุดนี้ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ เราก็จะตั้งคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินครูระดับจังหวัด ซึ่งจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้หากเป็นกรณีที่เป็นเรื่องใหญ่ และมีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือหลายฝ่าย กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะประสานร่วมกับศาลยุติธรรม ขอให้ศูนย์ไกล่เกลี่ยหนี้ ช่วยเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหา กรณีที่มีการฟ้องร้อง

ลิงก์ลงทะเบียนแก้หนี้ครู : http://td.moe.go.th/app/main/

ที่ปรึกษา รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการอีก 1 ชุด ประจำอยู่ที่ สพท.เช่นกัน ทำหน้าที่พิจารณาและควบคุมการกู้เงินของครูและบุคลากรทางการศึกษา ไม่ให้กู้เงินเกินร้อยละ 70 ของเงินเดือน ดังนั้นต่อจากนี้คณะกรรมการชุดนี้ก็จะเข้ามาดูแลเรื่องการกู้เงินของครูและประสานข้อมูลร่วมกับสถาบันทางการเงินต่างๆ เพื่อที่จะทราบว่าผู้กู้แต่ละคน กู้ไปแล้วจำนวนเท่าไร และมีศักยภาพในการกู้เพิ่มเติมอีกเท่าไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำคำสั่งเพื่อตั้งคณะกรรมการดังกล่าว อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 ก.พ.นี้ เราจะเปิดโอกาสให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีความต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู สามารถลงทะเบียนขอเข้าร่วมการแก้ปัญหาหนี้สินครูได้ จากนั้นเราจะรวบรวมข้อมูลส่งให้แต่ละเขตพื้นที่ไปดำเนินการต่อไป

ขอบคุณเนื้อหาจาก At HeaR

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ ช่วงชั้นที่1 มี 7 สาระการเรียนรู้ ช่วงชั้นที่2 มี 9 สาระการเรียนรู้

กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ ช่วงชั้นที่1 มี 7 สาระการเรียนรู้ ช่วงชั้นที่2 มี 9 สาระการเรียนรู้

เมื่อเร็วๆนี้เว็บไซต์ Competency – based Education หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช …. (หลักสูตรฐานสมรรถนะ) ได้เผยแพร่ กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ ของนักเรียนใน ช่วงชั้นที่1 ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 7 สาระการเรียนรู้ และกรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะช่วงชั้นที่2 มี 9 สาระการเรียนรู้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ ช่วงชั้นที่1 มี 7 สาระการเรียนรู้ ช่วงชั้นที่2 มี 9 สาระการเรียนรู้

กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ ช่วงชั้นที่1 มี 7 สาระการเรียนรู้ ประกอบไปด้วยสาระการเรียนรู้ดังนี้

1. สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

2. สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

3. สาระการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

4. สาระการเรียนรู้ ศิลปะ >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

5. สาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

6. สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

7. สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

อ่านรายละเอียดทั้งหมดของช่วงชั้นที่ 1 ที่นี่

กรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะ ช่วงชั้นที่2 มี 9 สาระการเรียนรู้ ประกอบไปด้วยสาระการเรียนรู้ดังนี้

1. สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

2. สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย  >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

3. สาระการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

4. สาระการเรียนรู้ ศิลปะ >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

5. สาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

6. สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

7. สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

8. สาระการเรียนรู้ การจัดการในครัวเรือน  >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

9. เทคโนโลยีดิจิทัล  >> อ่านรายละเอียดแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่นี่

อ่านรายละเอียดทั้งหมดของช่วงชั้นที่ 2 ที่นี่

เหตุผลความจำเป็นของการปรับหลักสูตร

ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการด้านต่าง ๆ ของโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงความรู้และเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ที่นำไปสู่การเป็นสังคมดิจิทัลอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเกิดปรากฏการณ์สำคัญของโลก เช่น ภาวะการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างรุนแรงทั่วโลก ส่งผลให้ทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่กระทบวิถีชีวิตของผู้คนอย่างไม่หยุดยั้ง เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนั้น ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษายังไม่สะท้อนถึงศักยภาพของผู้เรียนที่สามารถออกไปสู่สังคมและโลกของการทำงานในอนาคตได้อย่างชัดเจน จึงเป็นความสำคัญจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของชาติ ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวและกลไกสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศ ให้สอดคล้องรับกับความก้าวหน้าทางวิทยาการและการเปลี่ยนแปลงทุกด้าน เพื่อสร้างคนไทยให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ มีความสามารถและศักยภาพในการดำรงชีวิต ปรับตนให้พร้อม รับการเปลี่ยนแปลง พร้อมที่จะแข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในเวทีโลก

หลักสูตรการศึกษาของชาติที่ใช้ในปัจจุบัน คือ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรที่กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน และมีตัวชี้วัดชั้นปีไว้ช่วยให้ผู้สอนรู้ว่าจะสอนให้ผู้เรียนรู้อะไรและทำอะไรได้ รวมทั้งเพื่อการตรวจสอบความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็นระยะจนจบการศึกษาภาคบังคับและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ หลักสูตรฉบับนี้พัฒนามาจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ซึ่งคงหลักการและกรอบโครงสร้างหลักสูตรไว้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ได้ปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กล่าวได้ว่า หลักสูตรที่กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นผลลัพธ์การพัฒนานี้มีการใช้มาแล้วถึง 20 ปี

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตร รวมทั้งศึกษาผลงานวิจัยของหน่วยงาน องค์กร และบุคคลทั่วไปที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง พบว่า หลักสูตรฉบับปัจจุบันแม้จะเปิดโอกาสให้สถานศึกษาได้จัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง และความพร้อมของสถานศึกษา ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา แต่ได้พบประเด็นสำคัญยิ่ง คือ หลักสูตรไม่เอื้อให้สังคมไทยเกิดการพัฒนาและปรับตัวได้ทันต่อสภาวการณ์และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจาก

  1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดมีจำนวนมาก ซ้ำซ้อน และอิงเนื้อหาค่อนข้างมาก ส่งผลให้การจัดการเรียนรู้ไม่หลากหลาย เน้นการจำเนื้อหาไปใช้เพื่อการสอบ มากกว่าการสร้างทักษะสำคัญจำเป็น เช่น ทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะกระบวนการ และทักษะการคิดให้กับผู้เรียน
  2. การเรียนรู้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 3 ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เชื่อมต่อมาจากระดับปฐมวัย และเป็นช่วงเริ่มต้นของการวางพื้นฐานการเรียนรู้ หลักสูตรจัดให้เรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ เช่นเดียวกับระดับชั้นอื่น แทนที่จะเน้นไปที่การอ่าน การเขียน และการคิดคำนวณ เพื่อเป็นเครื่องมือการเรียนรู้สาระอื่น ๆ ต่อไป
  3. การนำหลักสูตรไปใช้ โดยเฉพาะการพัฒนาเนื้อหาสาระ สื่อ และการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ทันสมัย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาการและเทคโนโลยี ยังไม่เพียงพอ หรือทันการที่จะช่วยให้ผู้เรียนมีสมรรถนะที่เพียงพอในการใช้ความรู้หรือนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือช่วยสร้างพื้นฐานให้คนไทยสามารถเผชิญปัญหาสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ผลการทดสอบ PISA (Program for International Student Assessment) ที่ดำเนินการโดย OECD (The Organisation for Economic Co-operation and Development) พบว่า นักเรียนไทยมีค่าเฉลี่ยคะแนนทุกด้านอยู่ในกลุ่มต่ำ สะท้อนให้เห็นว่านักเรียนโดยเฉลี่ยมีความรู้และความสามารถในการใช้ความรู้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานนานาชาติ

นอกจากนี้ กฎหมายและยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศที่เกิดขึ้นในช่วงต่อมา ได้กำหนดจุดหมายการพัฒนาคน แนวการจัดการศึกษาของประเทศที่มีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกและสภาวะของประเทศ ดังนี้

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 54 กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิตและจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการจัดการศึกษาทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการ กำกับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึกษามีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล และมาตรา 71 กำหนดให้รัฐพึงส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพและความสามารถสูงขึ้น

แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 เป็นแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนดกรอบและแนวทาง
การพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับพลเมืองทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนตลอดชีวิต โดยจุดมุ่งหมาย
ที่สำคัญของแผนคือ ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ สามารถเป็นกลไกในการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของทุนมนุษย์ ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศเพื่อให้ประเทศสามารถก้าวข้ามกับดักของประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืน ภายใต้พลวัตของโลกศตวรรษที่ 21 ประชากรทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึงโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาและการเรียนรู้ จากระบบการศึกษาที่มีความยืดหยุ่น หลากหลาย และตอบสนองความต้องการของผู้เรียนเพื่อยกระดับชนชั้นของสังคม ภายใต้ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ที่เอื้อต่อการสร้างสังคมแห่งปัญญาและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้

กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดมาตรฐานการศึกษาชาติ พ.ศ. 2561 ในรูปแบบของผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ (Desired Outcomes of Education: DOE) สำหรับผู้เรียน คือ การเป็นผู้เรียนรู้ การเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม และการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง โดยมีค่านิยมร่วมคือ ความเพียรอันบริสุทธ์ ความพอเพียง วิถีประชาธิปไตย ความเท่าเทียมเสมอภาค และให้มีลักษณะนิสัยและคุณธรรมพื้นฐานที่ดีงาม เช่น ความมีวินัย ความขยัน ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ เป็นต้น

นอกจากนั้น แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา พ.ศ. 2564 (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งมีเป้าประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพของการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มุ่งความเป็นเลิศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ได้กำหนดให้การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเป็นหนึ่งในกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rocks) เพื่อให้ประชาชนและผู้เรียนทุกกลุ่มวัยได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพสากล มีทักษะที่จำเป็นของโลกอนาคต สามารถแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผล มีวินัย มีนิสัยใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต รวมทั้งเป็นพลเมืองที่รู้สิทธิและหน้าที่ มีความรับผิดชอบและมีจิตสาธารณะ เป็นกำลังของประเทศในการขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ

จากแผนแม่บทและนโยบายแห่งรัฐที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่าการศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรทุนมนุษย์เพื่อให้รากฐานของชาติมีความมั่นคง ดำรงชีวิตได้อย่างเป็นสุข ก้าวไปสู่การแข่งขันในภูมิภาคและโลกได้อย่างสง่างามและภาคภูมิ และความจำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาของชาติ ให้เป็นหลักสูตรที่สามารถสร้างและพัฒนาสมรรถนะที่สำคัญจำเป็นของผู้เรียน กระทรวงศึกษาธิการจึงอาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545 กำหนดให้ปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช…. ในลักษณะหลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-based Curriculum) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาสมรรถนะหลักที่สำคัญต่อการใช้ชีวิต การทำงาน และการเรียนรู้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพในโลกศตวรรษที่ 21

ทั้งนี้ ทั้งหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และ (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช…. ที่ปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่ มีลักษณะเป็นหลักสูตรที่เน้นผลลัพธ์การเรียนรู้เหมือนกัน ต่างกันตรงที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรอิงมาตรฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีคุณภาพอย่างน้อยตามที่มาตรฐานกำหนด ส่วน (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช…. นั้น มีลักษณะเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีสมรรถนะหลักที่สำคัญจำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกคน และส่งเสริมให้ผู้เรียนได้บ่มเพาะ พัฒนา และต่อยอด สมรรถนะหลักและสมรรถนะอื่นได้เต็มตามศักยภาพของแต่ละบุคคล

กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฐานสมรรถนะ จะกำหนดชุดของผลลัพธ์การเรียนรู้ตามสมรรถนะหลัก
ที่สำคัญจำเป็น (Minimum Requirements) เพื่อการพัฒนาผู้เรียนจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรอบหลักสูตร
ที่ยืดหยุ่นจะเอื้อให้สถานศึกษาที่มีศักยภาพแตกต่างกัน สามารถออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสมกับความต้องการและบริบทของตนได้ โดยยึดสมรรถนะกลางเป็นเกณฑ์เทียบเคียง ส่งเสริมให้เกิดรูปแบบหลักสูตรสถานศึกษาที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย มีความเฉพาะเจาะจงในการพัฒนาผู้เรียนตามบริบทของสถานศึกษา ชุมชน และความต้องการที่แตกต่างกันของผู้เรียน

นอกจากนั้น หลักสูตรจะช่วยให้ผู้สอนปรับแนวคิดและมุมมองในการออกแบบและจัดการเรียนรู้จาก การเน้นที่เนื้อหาสาระมาเน้นสมรรถนะ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนเป็นรายบุคคลอย่างเป็นองค์รวม ลดที่จะมุ่งการสอนเนื้อหาความรู้จำนวนมาก ลดภาระและเวลาในการสอบตามตัวชี้วัดจำนวนมาก ทำให้สถานศึกษามีพื้นที่ในการจัดการเรียนรู้ที่สำคัญจำเป็นของบริบทได้มากขึ้น ในการออกแบบหลักสูตรฐานสมรรถนะได้ยึดหลักความเป็นเอกภาพของชาติในประชาคมโลก บนความแตกต่างบริบทเชิงพื้นที่ เน้นการพัฒนาผู้เรียนเฉพาะบุคคลอย่างเป็นองค์รวมที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและสามารถฟื้นคืนสภาวะสมดุลได้ ด้วยหลักการสำคัญของหลักสูตรฐานสมรรถนะ ดังต่อไปนี้

  1. เป็นหลักสูตรที่มีเป้าหมายในการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนที่เหมาะสมตามช่วงวัย เน้นการพัฒนาผู้เรียนรายบุคคล (Personalization) อย่างเป็นองค์รวม (Holistic Development) เพื่อการเป็นเจ้าของ การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (Life-Long Learning)
  2. เป็นหลักสูตรที่เชื่อมโยงระหว่างสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะในการกำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcome) เพื่อการพัฒนาผู้เรียนให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตและการทำงาน
  3. เป็นหลักสูตรที่จัดสภาพแวดล้อมและเส้นทางการเรียนรู้ (Learning Pathway) ที่หลากหลาย และระบบสนับสนุนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพหุปัญญาและธรรมชาติของผู้เรียน
  4. เป็นหลักสูตรที่มีกระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การใช้สื่อและสถานการณ์การเรียนรู้ร่วมสมัย มีความหลากหลาย และยืดหยุ่น ตามความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน (Differentiated Instruction) บริบท จุดเน้นของสถานศึกษา และชุมชนแวดล้อม
  5. เป็นหลักสูตรที่มุ่งใช้การประเมินเพื่อการพัฒนาและสะท้อนสมรรถนะของผู้เรียนตามเกณฑ์การปฏิบัติ (Performance) ที่เป็นธรรม เชื่อถือได้ เอื้อต่อการถ่ายโยงการเรียนรู้และพัฒนาในระดับที่สูงขึ้นตามระดับความสามารถ

คณะอนุกรรมการจัดทำและพัฒนา (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช …. ได้พัฒนา (ร่าง) กรอบหลักสูตรฯ ที่มีสาระสำคัญเพียงพอจะให้โรงเรียนแกนนำในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาที่สมัครใจ จำนวน 265 โรงเรียน ใน 8 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ศรีสะเกษ สตูล เชียงใหม่ กาญจนบุรี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นำไปใช้ ผลที่ได้จากการใช้จะนำมาพัฒนา (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช…. ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา กิจกรรมการเรียนรู้ และการวัดผลและประเมิน จะเป็นตัวอย่างให้กับสถานศึกษาทั่วไปนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับความหลากหลายและความแตกต่างของบริบทพื้นที่ได้

วัตถุประสงค์ของการจัดทำคู่มือ

การจัดทำคู่มือเล่มนี้ คาดหวังให้ผู้เกี่ยวข้องมีความเข้าใจแนวคิดและหลักการสำคัญของการจัดการศึกษาฐานสมรรถนะ และ (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช…. เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา การจัดการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผลฐานสมรรถนะ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน
โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

  1. เพื่อเป็นแนวทางสำหรับสถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษานำไปใช้ในการจัดทำและทดลองใช้หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
  2. เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคณะกรรมการสถานศึกษา และคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาให้ความเห็นชอบและส่งเสริมสนับสนุนการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะของสถานศึกษา
  3. เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ อาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษา นักการศึกษา นักวิชาการ ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ และครูในการทำหน้าที่เป็นโค้ช หรือ พี่เลี้ยงทางวิชาการให้แก่สถานศึกษาโดยเฉพาะทางด้านการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผลฐานสมรรถนะ รวมทั้งการบริหารจัดการหลักสูตรและการพัฒนาบุคลากร

ขอบคุณที่มาจาก : https://cbethailand.com/