วันอังคาร, ตุลาคม 22, 2024
Google search engine
หน้าแรกข่าวประจำวันโครงการ 1 โรงเรียน 1 ครูอนามัย การเตรียมความพร้อมสถานศึกษา เพื่อปรับแนวทางปฏิบัติ รับประกาศโควิด 19 เป็น “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง”

โครงการ 1 โรงเรียน 1 ครูอนามัย การเตรียมความพร้อมสถานศึกษา เพื่อปรับแนวทางปฏิบัติ รับประกาศโควิด 19 เป็น “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง”

 

โครงการ 1 โรงเรียน 1 ครูอนามัย การเตรียมความพร้อมสถานศึกษา เพื่อปรับแนวทางปฏิบัติ รับประกาศโควิด 19 เป็น “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง”

โครงการ 1 โรงเรียน 1 ครูอนามัย การเตรียมความพร้อมสถานศึกษา เพื่อปรับแนวทางปฏิบัติ รับประกาศโควิด 19 เป็น “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง”

(3 ตุลาคม 2565) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกรมอนามัย แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมสถานศึกษาในสังกัด ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ประกาศยกเลิกโควิด 19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565
ส่งผลให้ระเบียบต่าง ๆ ที่ออกไปสู่การปฏิบัติในสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็นประกาศ มาตรการการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 หลักเกณฑ์การเปิดภาคเรียนสถานศึกษา หรือกลไกต่าง ๆ ที่บังคับใช้อยู่ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับแนวทางปฏิบัติของ สธ. โดยจะให้ความสำคัญกับการทำงานบูรณาการควบคู่กับ สธ. โดยเฉพาะระบบอนามัยซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว แต่ต้องปรับให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

“ในด้านนโยบาย ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ.อย่างเคร่งครัด ส่วนด้านสถานศึกษาต้องจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้ ขณะเดียวกันนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษาต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขอนามัยที่เหมาะสม ตลอดจนเข้มงวดเรื่องการเฝ้าระวังและรายงานผล เพื่อให้รู้สถานการณ์และวางแผนป้องกันแก้ไขได้ทันท่วงที” นางสาวตรีนุช กล่าว
นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย ได้ให้คำแนะนำการป้องกันโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โควิด 19 สำหรับสถานศึกษา โดยในส่วนที่สถานศึกษาต้องดำเนินการ คือ ประกาศนโยบายมิติสุขภาพและคำแนะนำการป้องกันโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง จัดสภาวะแวดล้อมของสถานศึกษาให้สะอาด ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และจัดห้องเรียนให้มีระบบระบายอากาศที่ดี มีการประเมินความเสี่ยงตามความเหมาะสมหรือตามคำแนะนำของ สธ. และคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด รวมทั้งส่งเสริมการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพแก่ ครู บุคลากร นักเรียนและผู้ปกครอง สำหรับการปฏิบัติของนักเรียนและบุคลากร ยังคงเน้นเรื่องของการล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย ประเมินความเสี่ยงตนเอง และรับวัคซีนตามคำแนะนำปัจจุบันของ สธ. ตลอดจนเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยเป็นคลัสเตอร์ พร้อมรายงานผลผ่านออนไลน์อนามัยโรงเรียน

เมื่อมีการติดเชื้อเกิดขึ้น กรณีไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้จัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมโดยไม่ปิดเรียน ปฏิบัติตามหลักการ Universal Prevention เน้นมาตรการ 6-6-7 เข้มงวดการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่างของนักเรียนในห้องเรียนไม่น้อยกว่า 2 เมตร งดการทำกิจกรรมรวมกลุ่ม จัดพื้นที่ให้มีระบบระบายอากาศที่ดี ทำความสะอาดห้องเรียนชั้นเรียนตามมาตรการของ สธ. ส่วนกรณีมีอาการปานกลางหรือรุนแรง ให้ปฏิบัติตามแนวทางการดูแลรักษาของ สธ. และติดต่อหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ตามระบบงานอนามัยโรงเรียน
นายอรรถพล สังขวาสี รักษาราชการแทนปลัด ศธ. กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบติดตามผลข้อมูลและเก็บฐานข้อมูลของทุกหน่วยงานไว้แล้ว พร้อมเตรียมออกประกาศกระทรวงฯ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ. เพื่อสื่อสารองค์ความรู้เรื่องโรคระบาดไปยังสถานศึกษา นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ให้ขับเคลื่อนการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน โดยทุกหน่วยงานในสังกัดของ ศธ. มีความพร้อมในการดำเนินการอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คนไทยสามารถดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงได้
รมว.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยทุกมิติด้วยหลัก 4H ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Health โดย ศธ. ร่วมกับ สธ. ส่งเสริมให้นักเรียนมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมสำหรับการเรียนรู้ มีศูนย์ MOE Safety Center ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เน้นการสร้างทักษะให้นักเรียนและครูดูแลตัวเองได้ มีโครงการ Basic Life Support การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน ขณะที่ระยะต่อไปจะมีโครงการ 1 โรงเรียน 1 ครูอนามัย เพื่อสร้างเด็กไทยให้มีความรู้การคัดกรองดูแลสุขภาพและความเสี่ยงต่าง ๆ ในเบื้องต้น ส่วนเรื่องสภาพจิตใจโดยเฉพาะหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ที่อาจเพิ่มปัญหาเรื่องของโรคซึมเศร้าเข้ามาในกลุ่มนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ศธ. จึงมีโครงการ School Health HERO เพื่อเฝ้าระวังปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ และส่งต่อทีมสาธารณสุขผ่านแอปพลิเคชันได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ขอบคุณเนื้อหาจาก ศธ.360 องศา

เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2566 และเหรียญจักรพรรดิมาลา การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจําปี 2566

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments