เมื่อวันที่ 3 พ.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายให้แก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ว่า ได้เน้นย้ำเรื่องการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ โดยได้กำชับ สพท.ทั่วประเทศเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปกครองในการเปิดภาคเรียนใหม่อย่างปลอดภัย โดยการปฎิบัติตามมาตรการ 6-6-7 ประสานการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะ 5-11 ปี รวมถึงโรงเรียนจะต้องตรวจสอบสภาพอาคารเรียนให้มีความพร้อมไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ระบบประปา และห้องเรียน นอกจากนี้ยังมีการเตรียมเนื้อหาจัดการเรียนการสอนจะต้องเติมเต็มเสริมศักยภาพของผู้เรียน
ด้าน นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ แต่งตั้งอาสาสมัครการศึกษา ทำหน้าที่คล้ายอาสาสมัครหมู่บ้าน หรือ อสม. ทำหน้าเอกซเรย์เด็กตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อติดตามนำกลับเข้าระบบการศึกษา
วันเดียวกันที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวประชุมชี้แจงมาตรการเปิดเรียน On-Site ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด-19 ในสถานศึกษา ว่า สธ.ได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) วางมาตรการรองรับเปิดเรียนออนไซต์เต็มรูปแบบภาคเรียนที่ 1/2565 วันที่ 17 พ.ค.นี้ เนื่องจากขณะนี้การติดเชื้อลดลงและกำลังขับเคลื่อนไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ได้เน้นย้ำ 4 มาตรการสำคัญคือ 1. เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมอย่างน้อย 60 % ทั้งเข็มพื้นฐานและเข็มกระตุ้น 2.ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหารือศูนย์อนามัย โรงเรียนประเมินความพร้อมผ่านระบบ Thai Stop Covid Plus ต้องผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า 95% 3.ปรับการตรวจ ATK จากเดิมตรวจทุก 3-5 วัน เหลือเพียงตรวจเฉพาะเมื่อมีอาการหรือมีความเสี่ยง และ 4.ย้ำการจัดทำแผนเผชิญเหตุกรณีพบการติดเชื้อในเด็ก
ขณะที่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ติดเชื้อในเด็กต่ำกว่า 19 ปีภาพรวมตั้งแต่ 1 เม.ย.65 ติดเชื้อ 13.7% เมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อรายใหม่แต่ละวัน ส่วนเสียชีวิตไม่มาก เมื่อดูการฉีดวัคซีน เด็กมัธยมศึกษาฉีดเข็ม 1 และเข็ม 2 ไม่น้อยกว่า 70% แต่เข็มกระตุ้นยังต้องเร่งรัดเพราะฉีดไม่ถึง 6 % ส่วนเด็กประถมศึกษา 5-11 ปี ฉีดเข็ม 1 ครอบคลุม 53% เข็ม 2 ยังต้องเร่งรัดเพราะฉีดเพียง 13 % ทั้งนี้มาตรการเตรียมพร้อมเปิดเรียนออนไซต์สำหรับโรงเรียนประจำ เน้นมาตรการ Sandbox Safety zone in School กรณีเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ให้เปิดเรียนปกติ โดยป้องกันตนเองครอบจักรวาล ประเมิน Thai Save Thai (TST) เว้นระยะห่างในห้องอย่างน้อย 1 เมตร กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้จัดควอรันทีนโซน จัดการเรียนการสอนในนั้นเป็นเวลา 5 วัน จากนั้นให้สังเกตอาการอีก 5 วัน กรณีได้รับวัคซีนครบตามกำหนดและไม่มีอาการไม่แนะนำให้กักตัว และตรวจ ATK ในวันที่ 5 และ 10 กรณีเป็นผู้ติดเชื้อ ให้หารือหน่วยบริการสาธารณสุขในการแยกกักตัวในโรงเรียน หากไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสม เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร งดร่วมกลุ่ม
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนไป-กลับ กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ให้เรียนตามปกติ ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ประเมิน TST เว้นระยะห่างในห้องอย่างน้อย 1 เมตร กรณีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหากยังไม่ได้รับวัดซีน ไม่มีอาการ แนะนำให้กักตัวเองเป็นเวลา 5 วันและติดตามอาการหลังจากนั้นอีก 5 วัน กรณีได้รับวัคซีนครบและไม่มีอาการไม่ต้องกักตัว ให้เรียนได้โดยให้ตรวจ ATK วันที่ 1 , 5 และ 10 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ สถานศึกษาจัดให้เรียนตามความเหมาะสม เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร หากเป็นผู้ติดเชื้อให้แยกกักตัวที่บ้าน หรือพิจารณากักตัวที่โรงเรียน โดยการพิจารณาของคณะกรรมการสถานศึกษาและหน่วยงานสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดรูปแบบการเรียนการสอนตามความเหมาะสมโดยเฉพาะกลุ่มไม่มีอาการ ย้ำเปิดเรียนปกติแต่ให้ทำความสะอาดห้องเรียน สถานศึกษา
ด้านดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้ย้ำศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดวางแผนนำเด็กเข้ารับวัคซีนตามเกณฑ์กำหนด ทั้งนี้ศธ.และสธ.มีความพร้อมเต็มที่กับการเปิดภาคเรียนออนไซต์วันที่ 17 พ.ค.อย่างมาก มีการดำเนินตามมาตรการเคร่งครัด
ขอบคุณเนื้อหาจาก At HeaR
เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม สอบบรรจุ ข้าราชการพลเรือนสามัญ สพฐ. เปิดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ (ส่วนกลาง)